หากพูดถึงรถสไตล์ครุยเซอร์ในตลาดบ้านเราแต่ละแบรนด์ต่างก็มีเอกลักษณ์ และถ้านึกถึงรถสไตล์ครุยเซอร์แบรนด์ฮอนด้า หลายคนคงอยากเป็นเจ้าของ Honda CTX700ND ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเทคโนโลยี DCT และการขับขี่ที่สะดวกสบาย ด้วยแนวคิดของคำว่า Comfort Technology Experience คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยผู้ขับขี่ให้มีความสบายยามขับขี่ ทั้งยังเปี่ยมด้วยสมรรถนะ จึงเป็นที่มาของตัวย่อ CTX สำหรับตัวอักษร N นั้นมาจาก Naked ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้จะมีแฟร์ริ่งหน้าม้า และอักษรตัว D มาจาก DTC
เริ่มจากช่วงหน้ารถของ Honda CTX 700N ดึงเสน่ห์ Naked Type ออกมาเต็มที่ ไฟหน้าโดดเด่นแบบ Multi Reflector รูปตัว V มองเห็นแต่ไกล ดูสปอร์ตเร้าใจ มาพร้อมกระจกมองหลังแบบก้านสั้น ส่วนแผงหน้าปัดแสดงผลแบบดิจิตอล บอกระดับความเร็ว,ความเร็วรอบเครื่อง,นาฬิกา,ปริมาณเชื้อเพลิง และมาตรวัดระยะการเดินทางทั้งทริป A และ B โดย ออกแบบให้อ่านได้ง่าย ชัดเจน ส่วนใกล้กับถังนำ้มันจะมีช่องเก็บของเล็กๆอยู่เหนือฝาถังน้ำมัน ส่วนท่อไอเสียวางในตำแหน่งที่ต่ำแบบแนวนอนยาวตามแบบรถครุยเซอร์ เบาะนั่งทั้งคนขี่และคนซ้อนเป็นแบบหนังแท้ ชิ้นเดียวแบบต่างระดับ ไฟท้ายเป็นแบบ LED และมีช่องเสียบกุญแจเพื่อเปิดเบาะนั่ง
ประกับด้านขวาประกอบไปด้วย ปุ่มเปิด - ปิด ปุ่มสตาร์ท Mode เปลี่ยนระบบเกียร์ AT/MT สวิตช์เกียร์ N / D / S และยังมีเบรกมือ การใช้งานเพียงโยกเข้าหาตัวส่วนการคลายเบรคจะมีปุ่มซึ่งอยู่ใกล้กับเบรคมือ
ประกับด้านซ้ายประกอบไปด้วย ปุ่มไฟเลี้ยว , ปุ่มไฟสูง-ต่ำ ร่วมด้วยไฟ Passing ที่อยู่ในปุ่มเดียวกับไฟต่ำเพียงแค่กดลง ทั้งยังมีปุ่มไฟฉุกเฉิน ระบบเกียร์ดันขึ้นและลงใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ในการเปลี่ยนเกียร์แต่ต้องปรับเป็น Mode S ก่อน
ระบบช่วงล่างที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ช็อคอับหน้าเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. ช่วงยุบ 4.2 นิ้ว ด้านหลังช็อคอับเดี่ยว Pro-Link ช่วงยุบ 5.9 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี Honda Multi-Action System (HMAS) ทำให้ Honda CTX700ND นุ่มนวลในทุกการขับขี่ แม่นยำในการควบคุมทุกสภาพถนน ระบบเบรคด้านหน้าจะใช้จานเบรคแบบจานเดี่ยวขนาดจานเบรค 320 มม. คาลิเปอร์เบรค 3 ลูกสูบ ของ Nissin พร้อม ABS ด้านหลังใช้จานเบรคเดี่ยว คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ ของ Nissin พร้อม ABS
หัวใจสำคัญ คือ เครื่องยนต์ Honda CTX 700ND ออกแบบมาเป็น Parallel-twin เครื่อง 2 สูบ 670 ซีซี. ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแค็มชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 73 x 80 ม. อัตราส่วนกำลังอัด 10.7 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอันขึ้นชื่อของ Honda คือ PGM-FI ขนาดลิ้นเร่ง 36 มม. เครื่องยนต์ตัวนี้ได้รับการออกแบบอย่างดี มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ มาพร้อมกับบาล้านเซอร์ลดแรงสะเทือนจากข้อเหวี่ยง
Honda CTX 700ND มีกล่อง ECU อัจฉริยะที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบ Dual-clutch ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่ใช้ใน VFR1200F Dual-clutch, Integra และ NC700X ซึ่ง CTX700ND จะมีทั้ง Manual Transmission และ Dual Clutch Transmission สำหรับในรุ่น CTX700ND จะเป็นระบบ Dual Clutch Transmission ที่ขับเคลื่อนรถแบบเกียร์อัตโนมัติ โดยจะมีโปรแกรมโหมดการขับขี่มา 2 โหมดก็คือ โหมด D (Drive) โหมด S (Sport) ที่การทำงานของเครื่องยนต์จะต่างกัน
CTX700ND มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์ได้อย่างลงตัว และมั่นใจกับระบบความปลอดภัยอย่างระบบเบรกแบบ Single 320 Mm Disc With Twin-Piston Caliper ที่ล้อหน้าและล้อหลังเป็นแบบ Single 240 Mm Disc With Single-Piston Caliper
Honda CTX 700ND ใช้ยางของ Bridgestone หรือ Metzeler (แล้วแต่ล็อตที่ผลิต) ล้อหน้าขนาด 120 / 70 / 17 ล้อหลังขนาด 160 / 60 / 17
หลังจากผู้เขียนทดลองขี่มาสักระยะทั้งการใช้งานในเมืองและนอกเมือง พูดถึงการใช้งานในเมืองค่อนข้างเกือบจะคล่องตัว ที่เขียนแบบนี้เพราะแฮนด์ค่อนข้างกว้าง ประกอบกับกระจกมองข้าง ทำให้การซอกแซกในเมืองต้องเผื่อพื้นที่พอสมควรและตัวรถค่อนข้างยาว จึงต้องอาศัยความคุ้นชินสักระยะจะทำให้การกะระยะขี่ในเมืองง่ายขึ้น ตัวรถมีความเตี้ยพอเหมาะ โดยผู้เขียนสูงราว 170 ซม. สามารถวางขาได้เต็มเท้า มั่นคงไม่ต้องเต้นบัลเล่ย์ ไอร้อนจากตัวรถพอรู้สึกได้ไม่เป็นปัญหา การเปลี่ยนเกียร์ทำได้ง่ายดายใน Mode D ถือว่าเร็วแต่ไม่ไหลลื่น มีกระตุกอยู่บ้าง พอลองเปลี่ยนเป็น Mode S สามารถลากรอบได้มาก Honda CTX 700ND เป็นรถที่ขับขี่สนุก หากจะขี่ในเมืองแนะนำ Mode D จะสะดวกสบายกว่า และประหยัดน้ำมันขึ้น
เมื่อออกนอกเมือง ฟิลลิ่งคนละเรื่อง ในการเปลี่ยนเกียร์ Mode D ไม่ต่างกับในเมืองเท่าไหร่ แต่สามารถลากรอบได้มากขึ้น ทำให้ขับขี่ได้เร้าใจสนุกมากขึ้น ยิ่งถ้าเปลี่ยนเป็น Mode S แล้วละก็บอกได้คำเดียวว่า “มันส์” สรีระของรถเหมาะกับการเดินทางไกล ตามสไตล์ Cruiser ขี่แล้วเสมือนโซฟาเคลื่อนที่เพราะนุ่มสบาย การวางตำแหน่งแขนและขาเหยียดได้พอเหมาะ ถ้าจะใช้เดินทางจริงจังแนะนำให้ใส่ชิวล์หน้าช่วยกันลม เมื่อลองเข้าโค้งต้องบอกว่าค่อนข้างดีทีเดียว ทั้งโค้งกว้าง โค้งแคบ โค้งหักศอก เพราะตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้การเกาะโค้งค่อนข้างดี แต่ถ้าอยากเข้าโค้งให้เร็ว ต้องโหนตัวช่วยเยอะหน่อย แต่จะเอนมากคงไม่ได้เพราะติดที่พักเท้า รถสไตล์ครุยเซอร์ขับขี่ไปเรื่อยๆ เพลินดี แต่จะให้ดุดันแบบรถสปอร์ตคงไม่ใช่ทาง
ถามว่าคุ้มไหม ระหว่างตัวที่เป็นเกียร์ออโตเมติก(DCT) ราคา 385,000 บาท และ 331,000 สำหรับเกียร์ธรรมดา(MT) ตอบเลยว่าคุ้มราคา เพราะใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง ขี่สบาย ไม่เหนื่อย เครื่องยนต์ 2 สูบดูแลรักษาง่าย แถมประหยัดน้ำมัน ซึ่งไม่หนีจากตระกูล ฮอนด้า 500R 500F หรือ 500X เลย ถ้าคุณอยู่ในเมืองเช้าขี่ไปจอดที่ทำงาน เย็นกลับบ้านหรือไปสังสรรค์กับเพื่อน ก็ดูดี ภูมิฐาน เสาร์ อาทิตย์จะออกทริปบ้างก็ยังสบาย