ฟอร์ด ประเทศไทย จัดกิจกรรม ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต เวิร์คช็อปคู่ซี้ 4 ขา นำสื่อมวลชนออกเดินทางไปบนรถฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต รถคอมแพคเอสยูวีที่โดดเด่นด้านดีไซน์ พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ความคล่องตัวในการขับขี่ รวมถึงการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ พร้อมความปลอดภัย ซึ่งในงานมีเซเลบริตี้สี่ขาชื่อดัง โดยเจ้าตูบและเจ้าของได้ร่วมแบ่งปันเคล็ดลับดีๆ ในการเดินทางที่ช่วยให้ทุกการขับขี่ปลอดภัย
เริ่มด้วยช่วงเช้า มีน้องมะขวิดและผองเพื่อนสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ และเหล่าน้องหมาตัวป่วนจากเพจ Ninja and the Gang นำทีมโดยเจ้านินจา สุนัขพันธุ์อลาสกันมาลามิวท์ตัวยักษ์ เหล่าเซเลบริตี้สี่ขาและเจ้าของได้บรรยายและสาธิตการเตรียมความพร้อมให้กับสัตว์เลี้ยงแสนรักก่อนการออกเดินทาง โดยมีตัวอย่างเคล็ดลับง่ายๆ ดังต่อไปนี้ เริ่มต้นกับการที่เราต้องเช็คให้ดีเสียก่อนว่าจุดหมายที่จะมุ่งหน้าไปนั้นอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ไหม ขั้นตอนต่อไปคือตรวจสอบสภาพร่างกายของน้องหมาให้แน่ใจว่าแข็งแรงพร้อมสำหรับการเดินทางและไม่มีอาการเมารถ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ รถยนต์ของคุณต้องมีพื้นที่กว้างขวางและมีช่องเก็บสัมภาระเพียงพอสำหรับการขนย้ายอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ ซึ่งฟอร์ด เอคโค่สปอร์ตเป็นหนึ่งในรถคอมแพคเอสยูวีที่ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์ของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์เป็นเอกลักษณ์อย่างผู้ที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงด้วยพื้นที่เก็บของท้ายรถที่มีความจุถึง 705 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังมาชนกับเบาะหน้า ผู้ใช้งานจะมีพื้นที่กว้างพอสำหรับการบรรจุเครื่องซักผ้าหนึ่งเครื่องหรือกรงสุนัขขนาดใหญ่ได้เลยทีเดียว
อุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อการเดินทาง ควรมีป้ายชื่อคล้องคอน้องหมาพร้อมระบุเบอร์ผู้ที่ติดต่อฉุกเฉินกรณีเกิดการพลัดหลง เตรียมน้ำ อาหารและยาประจำตัวให้พร้อม อาจลดความประหม่าในการเดินทางได้ด้วยการนำของเล่นชิ้นโปรดหรือผ้าขนหนูที่น้องหมาคุ้นเคยใส่รถไปด้วย สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เจ้าตูบรู้สึกปลอดภัยและไม่แปลกที่จนเกินไป และอย่าลืมเตรียมถุงเก็บมูลสุนัขและน้ำยาดับกลิ่นให้พร้อม ในรถยนต์ ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ตมาพร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระเป็นสัดส่วนมากถึง 20 ช่อง ผู้ใช้งานจึงหมดกังวลเรื่องข้าวของระเกะระกะไม่เป็นระเบียบได้อย่างหายห่วง
ขณะเดินทางควรให้น้องหมานั่งอยู่ในที่นั่งหรือเบาะ โดยอาจติดตั้งสายรัดนิรภัยที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น จำไว้ให้ขึ้นใจว่า แม้คุณจะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธีขณะเดินทางและแม้จะมีน้ำหนักตัวเพียง 30 กิโลกรัม อาจกลายเป็นจรวดมิสไซล์ขนาดจิ๋วที่มีน้ำหนักมากถึง 1,350 กิโลกรัมได้เมื่อเกิดการชนจากด้านหน้า ข้อสำคัญอีกประการคือ ห้ามให้น้องหมานั่งตักคนขับหรือแม้กระทั่งบริเวณที่นั่งข้างคนขับเป็นอันขาด ลองจินตนาการภาพผู้ขับขี่ที่มีสุนัขนั่งอยู่บนตัก แม้ว่าสุนัขตัวนั้นจะเชื่องแค่ไหน แต่ไม่มีใครการันตีได้ว่าเขาจะไม่ตกใจหากมีอะไรเกิดขึ้นกะทันหันตรงหน้า ถ้าหากสุนัขลุกหรือกระโดดขึ้นมา ผู้ขับขี่จะไม่อาจบังคับพวงมาลัยได้อย่างปลอดภัย และเหตุการณ์อาจเลวร้ายลงไปอีกหากสุนัขกระโดดหนีลงไปด้านล่างซึ่งจะขัดขวางการควบคุมของเบรคและคันเร่งได้
คนเดินทางยังต้องแวะเข้าปั๊ม สุนัขก็เช่นกัน การเดินทางอันแสนยาวนานเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับทุกคน อย่าลืมว่าสุนัขบอกคุณไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาหิวหรืออยากขับถ่าย ดังนั้นควรจอดพักเพื่อได้ออกมายืดเส้นยืดสายทุกๆ 2-3 ชั่วโมง และหากมีความจำเป็นต้องแวะซื้อกาแฟหรือข้าวของจิปาถะอื่นๆ ไม่ควรปล่อยสุนัขทิ้งไว้ในรถตามลำพัง ลองนึกสภาพอุณหภูมิภายในรถที่จอดตากแดดเป็นเวลานานและเบาะที่นั่งอันร้อนระอุ น้องหมาของเราคงทนสภาพแบบนั้นไม่ได้เช่นกันแม้ว่าจะเปิดกระจกระบายอากาศไว้ก็ตาม
ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ฟอร์ดมีความมุ่งมั่นในการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยโดยการสอดแทรกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้กับกิจกรรมที่สนุกสนาน การจัดกิจกรรมของฟอร์ดในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านการเดินทางในชีวิตประจำวันที่ปลอดภัย ทั้งสำหรับคนและสัตว์เลี้ยงแสนรักเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การเลือกรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบาย พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางและสมรรถนะการขับขี่เหนือชั้นเพื่อมอบความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทาง อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถเองนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่จะสร้างเสริมความปลอดภัย