เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ออฟโรดพันธุ์แกร่ง เปิดตัวแล้วที่เมืองไทย

เปิดตัวอย่างอลังการไปแล้วสำหรับ ฟอร์ด “เรนเจอร์ แร็พเตอร์” โดนใจขาออฟโรดกันเต็มเหนี่ยว ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขยายขนาดตัวรถให้บิ๊กเบิ้มออกไป พร้อมทั้งช่วงล่างยังใช้โช้คอัพคู่ด้านหน้าและหลังของ Fox Racing Shox นับได้ว่าเป็นรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นใหม่จากฟอร์ด


เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้ ผ่านขั้นตอนการออกแบบ ผลิต และทดสอบจากทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเซ็กเมนต์ตลาดรถกระบะในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูงของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ทั้งนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อนักขับขี่แบบออฟโรดตัวจริง โดยตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการส่งมอบรถกระบะสายพันธุ์ “เกิดมาแกร่ง” ให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก “ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พัฒนาต่อยอดรถรุ่นแร็พเตอร์ จากรถฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ รุ่นต้นแบบ ซึ่งเป็นแก่นสำคัญของรถยนต์ในตำนาน พร้อมผสมผสานดีเอ็นเอตามแบบฉบับของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์


การออกแบบที่ดุดัน โดดเด่น ด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน ที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลักเมื่อมองจากด้านหน้า กระจังหน้าใหม่อันสะดุดตาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ฟอร์ด เอฟ-150 แร็พเตอร์ ซึ่งเป็นรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงคันแรกของโลกจากโรงงาน โลโก้ฟอร์ดสะกดด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษอันเป็นเอกลักษณ์จัดวางอยู่บนกระจังหน้าอย่างองอาจ มอบความโดดเด่นเมื่อปรากฏตัวท่ามกลางฝุ่นอันคละคลุ้ง ชุดกันชนด้านหน้าซึ่งติดกับเฟรมรถได้รับการออกแบบให้มีความทนทานสำหรับการขับขี่ในทะเลทรายและดูน่าเกรงขาม แผงกันชนด้านหน้ายังมาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ ที่ช่วยลดการต้านลมของตัวรถได้เป็นอย่างดี



แก้มข้างรถคู่หน้าแบบใหม่ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท ไม่เพียงแต่ดูแข็งแกร่ง แต่ยังทนต่อการบุบและรอยขีดข่วนที่มักจะเกิดจากการใช้งานออฟโรด อีกทั้งแก้มข้างรถคู่หน้าที่ถูกตีโป่งขยายออกนั้น เพื่อรองรับระยะยุบตัวของโช้คที่เพิ่มมากขึ้นและยางออฟโรดขนาดใหญ่ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีสีภายนอกให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ สีฟ้าไลท์นิ่ง บลู (Lightning Blue) สีแดงเรซ เร้ด (Race Red) สีดำแชโดว์ แบล็ค (Shadow Black) สีขาวโฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White) และสีพิเศษเฉพาะของเรนเจอร์ แร็พเตอร์อย่าง สีเทาคองเคอร์ เกรย์ (Conquer Grey) ที่โดดเด่น โดยตัดกับสีเทาไดโน่ เกรย์ (Dyno Grey) เพื่อขับให้รูปลักษณ์ของรถดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น



รูปลักษณ์ของตัวรถยังดูใหญ่ขึ้นในทุกมิติ โดยมาพร้อมความสูงถึง 1,873 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,180 มิลลิเมตร และความยาว 5,398 มิลลิเมตร ระยะช่วงล้อหน้าและหลังกว้างขึ้นเป็น 1,710 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 283 มิลลิเมตร ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมมุมไต่ที่ 32.5 องศา มุมคร่อมที่ 24 องศา และมุมจากที่ 24 องศา ซึ่งเหนือชั้นกว่ารถรุ่นใดที่เคยมีมา

เมื่อพิจารณาไล่ตั้งแต่ด้านล่างขึ้นไป จะสังเกตได้ว่าบันไดข้างรถของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ นั้นเหนือชั้นกว่ารถทั่วไปในท้องตลาด โดยออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เศษหินกระแทกกับตัวถังรถด้านหลัง และรูที่ถูกเจาะนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ระบายทราย โคลน และหิมะได้ โดยผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอยเพื่อเพิ่มความคงทนโดยเฉพาะ ทั้งยังผ่านการทดสอบด้วยการกดน้ำหนัก 100 กิโลกรัมถึง 84,000 ครั้ง เพื่อจำลองการใช้งานในสนามทดสอบจริงกว่า 10 ปี และทำการเคลือบถึงสองชั้น โดยทำการพ่นสี powder-coated ก่อนพ่น grit-paint ทับอีกชั้น เพื่อมอบความรู้สึกแข็งแกร่ง ทั้งยังมีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนที่เกิดจากอากาศและสภาพแวดล้อม



บริเวณกันชนท้ายได้ผ่านการปรับปรุงโดยเพิ่มชุดตะขอเกี่ยวจำนวน 2 ชุด ที่รองรับการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน นอกจากนี้ ส่วนท้ายรถยังได้รับการพัฒนาด้วยกรอบตัวเซ็นเซอร์ที่เรียบเสมอกับตัวถัง และตัวเชื่อมขอลากที่ได้รับการติดตั้งและออกแบบพิเศษ ส่วนท้ายกระบะมอบพื้นที่ใช้งานอย่างกว้างขวางด้วยขนาด 1,560 x 1,743 มิลลิเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในช่วงวันหยุด



เมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ผู้ขับขี่เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จะสังเกตได้ถึงความแตกต่างของทุก ๆ รายละเอียดบริเวณคอนโซลหน้ารถ ไม่ว่าจะเป็นการเดินด้ายสีน้ำเงินและการเลือกใช้วัสดุหนัง แผงหน้าปัดที่มาในรูปแบบที่ดุดันแสดงฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบต่าง ๆ พวงมาลัยของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยมาพร้อมกับแป้น Paddle Shift ขนาดใหญ่ที่ผลิตจากแม็กนีเซียมน้ำหนักเบาอันเป็นดีเอ็นเอใหม่ของแร็พเตอร์ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว เพิ่มความแม่นยำในการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ

แชสซีของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบใหม่มาเป็นพิเศษสำหรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงและทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดจากการขับขี่โดยเฉพาะ ระบบกันสะเทือนหลังแบบใหม่รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์และสปริงคอยล์โอเวอร์ช็อคทำให้เพลาเคลื่อนที่อย่างมั่นคง จึงช่วยเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น แชสซีได้ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อรองรับระบบช่วงล่างที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สามารถเพิ่มระยะช่วงล้อคู่หน้าและหลัง และยังเพิ่มระยะการให้ตัวของล้อได้มากขึ้น แชสซีผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่างๆ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซี (side-rails) เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูง
แชสซีด้านหน้าได้มีการเพิ่มความแข็งแรงของจุดยึดหูโช้คที่ถูกขยายความสูงขึ้นมา ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อคซึ่งทำขึ้นมาพิเศษให้เฉพาะเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เท่านั้น รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์ ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระโดยที่มีการขยับตัวในแนวราบน้อยมาก อีกทั้งยังมีชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดด้านหน้าและด้านหลังที่รองรับน้ำหนักจากการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และโครงสร้างแท่นยึดยางอะไหล่ที่ถูกเสริมความแข็งแรงเพื่อรองรับยางอะไหล่ขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมกับระบบเบรกอันทรงพลังโดยการใช้ชิ้นส่วนพิเศษที่ทำขึ้นเฉพาะรุ่น คาลิปเปอร์เบรกคู่หน้าเป็นแบบลูกสูบคู่ ที่เพิ่มขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขึ้น 9.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับจานเบรกคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ถึง 332 x 32 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เบรกที่มาพร้อมกับระบบ brake actuation master cylinder ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีจานเบรกแบบมีครีบระบายความร้อนขนาด 332 x 24 มิลลิเมตรคู่กับคาลิปเปอร์เบรกใหม่ขนาด 54 มิลลิเมตร


ระบบช่วงล่างสายพันธุ์รถแข่งของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนสภาพพื้นผิวขรุขระ โดยที่ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์แบบและได้รับความสบายอย่างเต็มที่ ด้วยโช้คอัพผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษโดย Fox Racing Shox ใช้ลูกสูบขนาด 46.6 มิลลิเมตร ทั้งคู่หน้าและหลัง ช่วงล่างถูกออกแบบมาให้มีระยะการให้ตัวของล้อสูงเพื่อความสามารถในการซับแรงกระแทกขณะขับออฟโรด แต่ด้วยระบบบายพาสภายใน จึงทำให้การขับขี่บนถนนทางเรียบเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนั้น เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมีปีกนกที่ทำจากอะลูมิเนียม โดยปีกนกบนทำด้วยวิธีการฟอร์จและปีกนกล่างใช้วิธีการหล่อ เพื่อให้ระบบช่วงล่างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แข็งแรงทนทานต่อการขับขี่แบบออฟโรดถึงขีดสุด โดยใช้ยาง All-terrain BF Goodrich 285/70 R17

นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังมาพร้อมกับแผงกันกระแทกด้านล่างอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ช่วยปกป้องห้องเครื่องจากการกระแทก ผลิตจากเหล็กกล้า (High-strength steel) ที่มีความหนา 2.3 มิลลิเมตร และมีความทนทานสูงตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ (Ford Performance) แผงกันชนหน้ามาพร้อมกับสีเงิน อีกทั้งยังมีชุดกันกระแทกด้านล่างที่ป้องกันเครื่องและระบบส่งกำลัง (transfer case) ทั้ง 3 ส่วนนี้ที่ช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหม้อน้ำ ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Assisted Steering - EPAS) ชุดสายพานหน้าเครื่อง (Front End Accessory Drive - FEAD) คานล่างด้านหน้า (Front cross-member) อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองขับส่วนหน้า


ขุมพลังแห่งการขับเคลื่อนตอกย้ำให้เห็นถึงสมรรถนะและการตอบสนองอันยอดเยี่ยมของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ดีเซลใหม่แบบ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร ในเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่มอบพละกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร นอกจากนี้ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้รับการออกแบบมาพร้อมระบบความปลอดภัยระดับสูงทั้งแบบแอคทีฟและพาสซีฟ รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยทำงานร่วมกับฟังก์ชั่นลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ นอกจากนี้ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว จะคอยช่วยเมื่อเข้าโค้งหรือเบรกกะทันหันจนรถเริ่มเสียการทรงตัว ระบบนี้ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง ระบบช่วยออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และระบบควบคุมการบรรทุก กล้องมองหลังแสดงภาพบนจอแอลซีดีขนาด 8 นิ้ว ซึ่งทำงานร่วมกับสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง จึงช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจได้ไม่ว่าจะจอดรถในที่ใดก็ตาม

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คือยนตกรรมอันน่าทึ่ง ที่มาพร้อมกับความแข็งแกร่ง ดุดัน และสมรรถนะที่จะยกระดับมาตรฐานการขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น และจะกระตุ้นอะดรีนาลีนของเหล่านักขับรถออฟโรดให้สูบฉีบด้วยความเร้าใจ ในส่วนของราคาทางฟอร์ดยังไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ สำหรับการคาดการณ์หลายคนคาดว่าน่าจะอยู่ที่หนึ่งล้านกว่าๆจะเท่าไหร่แน่นอนต้องติดตามกัน

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้