นิสสัน ตั้งเป้าขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 1 ล้านคันภายในปี 65

นิสสัน มอเตอร์ ประกาศถึงแผนการเพิ่มจำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ เร่งการพัฒนาระบบเชื่อมต่อสำหรับรถยนต์ ตามแผนงานระยะกลางของบริษัท หรือ Nissan M.O.V.E. to 2022 หนึ่งในเป้าหมายของนิสสันคือ การจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 1 ล้านคัน ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และแบบระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบอี-เพาเวอร์ ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) แผนงานระยะกลางของบริษัทฯ หรือ Nissan M.O.V.E. to 2022 มีเป้าหมายดังนี้ พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่ทั้งหมด 8 รุ่น เพื่อต่อยอดความสำเร็จของนิสสัน ลีฟ ใหม่ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรุกตลาดของประเทศจีนภายใต้แบรนด์ที่แตกต่างกัน แนะนำ “รถยนต์ขนาดเล็ก หรือ เคย์คาร์ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับตลาดญี่ปุ่น นำเสนอรถยนต์แบบครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าสู่ตลาดโลก ที่พัฒนาจากรถยยนต์ต้นแบบ นิสสัน ไอเอ็มเอ็กซ์ คอนเซ็ปต์ เริ่มเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรด์อินฟินิตี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (ค.ส. 2021) เป็นต้นไป ติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติในรถยนต์ 20 รุ่น สำหรับ 20 ตลาด ขยายการเชื่อมต่อให้สมบูรณ์ 100% สำหรับรถยนต์นิสสัน รุ่นใหม่ อินฟินิตี และดัทสัน สำหรับตลาดหลักภายในแผนแผนงานระยะกลางนี้



ฟิลลิปเป ไคลน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวางแผนธุรกิจ เปิดเผยว่า กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีของเรามุ่งเน้นสร้างจุดยืนให้นิสสันเป็นผู้นำวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีรถยนต์ และเปลี่ยนวิวัฒนาการในการดำเนินธุรกิจ เรามุ่งมั่นนำเสนอนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ภายใต้หลักการสำคัญ 3 ด้านคือ ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า การขับขี่อัตโนมัติ และการเชื่อมต่อและการบริการเพื่อการเดินทางรูปแบบใหม่ ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าคือการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่มซี-เซกเมนท์ โดยพัฒนาต่อยอดจากนิสสันลีฟ ใหม่ นำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ โดยร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนของกลุ่มพันธมิตรที่มีชื่อว่า อีจีที นิว เอเนอร์จี้ ออโตโมทีฟ และรถเอนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า ในกลุ่ม เอ-เซกเมนท์ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้นั้นเปจะพัฒนาร่วมกับกลุ่มพันธมิตร และ กลุ่มของตงฟง มอเตอร์ นอกจากนี้ยังมีแผนการพัฒนาต่อยอดเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกสองรุ่นภายใต้แบรนด์เวนูเซีย นิสสันยังจะเดินหน้าขยายเทคโนโลยีอี-เพาเวอร์ ซึ่งปัจจุบันนำเสนอไว้ในรถยนต์นิสสัน โน๊ต และนิสสัน เซเรน่า ในประเทศญี่ปุ่น นิสสัน โน๊ต อี-เพาเวอร์ มียอดขายมากกว่า 129,000 คัน ในปีแรกที่ออกจำหน่ายในญี่ปุ่น โดยลูกค้ามากกว่า 2 ใน 3 เลือกใช้รุ่นอี-เพาเวอร์มากกว่ารุ่นปกติ



นิสสันคาดการณ์ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้ระบบอี-เพาเวอร์ จะมียอดขายคิดเป็นสัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นและยุโรปภายในปี พ.ศ. 2565 และเพิ่มขึ้นเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ. 2568 โดยคาดการณ์ว่ายอดขายในสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ประมาณ 20 - 30 เปอร์เซ็นต์ ในปี พ.ศ. 2568 ขณะที่ยอดขายในจีนอยู่ที่ 35 – 40% อินฟินิตีนำระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ามาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบหรือรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีอี-เพาเวอร์ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยภายในปี พ.ศ. 2568 ที่จะถึง อินฟินิตีคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขายทั่วโลก



สำหรับกลยุทธ์ด้านระบบขับขี่อัตโนมัติ นิสสันประกาศแผนงานติดตั้งเทคโนโลยี ProPILOT ในรถยนต์ 20 รุ่นใน 20 ตลาดภายในปี พ.ศ. 2565 บริษัทฯ คาดว่ารถยนต์ที่ติดตั้งเทคโนโลยี ProPILOT จะมียอดขาย 1 ล้านคันภายในปี พ.ศ. 2565 หลังจากนั้นจะมีการยกระดับเทคโนโลยี ProPILOT ให้สามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติบนถนนหลวงที่มีหลายช่องจราจรและสามารถจัดการในเรื่องจุดหมายปลายทางได้ คุณสมบัติใหม่ของเทคโนโลยีนี้จะถูกแนะนำเป็นโครงการนำร่องในญี่ปุ่นภายใน 1 ปี

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้