ถ้ากลางวันมันร้อนไป ลองขี่แบบ Night ride กับ Ducati Scrambler 1100 ที่ขนมาให้ลองทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ Ducati Scrambler 1100, Ducati Scrambler 1100 Special และ Ducati Scrambler 1100 Sport
มาว่ากันที่ตัวเครื่อง Scrambler 1100 เครื่องยนต์ขนาดใหม่ 1,100 ซีซี Desmodromic แบบ 2 สูบ L-Twin 1,079 cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุด 86 ตัวที่ 7,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 88 นิวตันเมตร ที่ 4,750 รอบ มาพร้อมคันเร่งไฟฟ้า ได้รับการพัฒนาต่อจากเครื่อง Monster 1100 นำมาปรับแต่งใหม่เพื่อให้ขี่ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น Riding Mode, DTC, Ride by Wire, Cornering ABS เพื่อความปลอดภัยต่อการขับขี่มากยิ่งขึ้น ดีไซน์ของตัวรถเองยังคงความเป็น Scrambler ไว้เหมือนเดิม แต่...สิ่งที่เปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดก็คือตำแหน่งของท่อไอเสียซึ่งเปลี่ยนมาเป็นออกท้ายคู่นั่นเอง ตัวรถโดยรวมมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังใช้วัสดุแบบอลูมิเนียมแทนการใช้พลาสติก ในส่วนประกอบหลักเพียงแค่ 5 ชิ้นเท่านั้น คือ แอร์บ๊อกซ์, กล่องใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ฐานเบาะ, บังโคลนหน้า และบังโคลนหลัง
การประกอบตัวรถนั้นทำออกมาได้อย่างประณีต การเก็บสายต่างๆ ทำมาได้อย่างเรียบร้อย เพิ่มความเท่ห์ด้วยสายเบรคหน้าที่พาดผ่านหน้าปัดเป็นแนวโค้ง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Ducati Srambler สำหรับตัวรถรุ่น Special มีข้อแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานคือ ใช้ล้อซี่ลวด แฮนด์ทรงต่ำ เบาะหนังอย่างดี และเปลี่ยนชิ้นส่วนบังโคลนหน้าและหลังเป็นอลูมิเนียม ส่วนรุ่น Sport นั้นมาพร้อมกับชุดสีพิเศษสีดำด้านคาดลายเหลือง ชุดระบบกันสะเทือนหน้าหลังจาก Ohlin แฮนด์ต่ำ บังโคลนหน้าหลังอลูมิเนียมเช่นเดียวกัน
จากการลองขี่ Ducati Scrambler 1100 ในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าระยะทางจะสั้น โดยใช้เส้นทางกรุงเทพชั้นใน ผ่านลานพระรูปทรงม้า, ถนนราชดำเนิน, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, สนามหลวง และข้างกระทรงกลาโหม และใช้เกียร์ได้ไม่กี่เกียร์ แต่ก็ถือว่าเป็นรถที่ขี่ง่ายกว่ารุ่น Scrambler Sixty-two , หรือ Scrambler ที่ใช้เครื่องยนต์ 800 ถึงแม้จะใช้เครื่อง 1100 ก็ตาม การขับขี่ในรอบต่ำสามารถทำได้โดยง่าย เครื่องมีความสมูธมาก แต่...ยังแฝงความดิบตามสไตล์ของ Scrambler ไว้อยู่ เมื่อเปิดคันเร่งแรงๆ ตัวรถสามารถทะยานออกไปด้วยความเร็ว แต่ไม่กระชากหรือดึงหนัก อาจเนื่องจากตัวรถมีการส่งกำลังได้อย่างสมูธ
ลองทดสอบเปลี่ยน Riding Mode ซึ่งมี 3 แบบ คือ
Active – ตัวรถทำงานเต็มแรงม้า การตอบสนองของคันเร่งเร็วสุด ระบบ DTC ทำงานน้อยสุด ให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ดั่งใจ เรียกว่ามีความดิบให้ความสนุกกับการขับขี่ได้อย่างเต็มที่
Journey – ตัวรถยังทำงานเต็มแรงม้าเช่นเดิม ปรับการตอบสนองของคันเร่งให้สมูธมากขึ้น ระบบ DTC ทำงานปานกลาง เพื่อความสนุกและสะดวกสบายในการขี่รถท่องเที่ยว
City – ตัวรถลดกำลังแรงม้าลงมา การเดินคันเร่งจะสมูธที่สุด ระบบ DTC ทำงานเต็มที่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด ช่วยให้การขับขี่ในเมืองเป็นไปอย่างง่ายดาย ไม่กระชาก มีความคล่องตัวและนุ่มนวล
ระบบเบรคของ Ducati Scrambler 1100 ปั๊มเบรคล่างด้านหน้าและหลังของ Brembo สามารถหยุดรถได้ด้วยความมั่นใจ ในส่วนของคลัชท์ เปลี่ยนมาใช้แบบไฮดรอลิกส์แทนที่แบบสาย ทำให้มีความนุ่มมากกว่าเวลากำคลัชท์เปลี่ยนเกียร์ ขี่ในเมืองสบายมาก
ช่วงล่างนั้นได้ถูกเซ็ทมาแบบกลางๆ เน้นไปทางนุ่มนวล แน่น หนึบ แต่...ถ้าหากผู้ขับขี่ต้องการปรับตั้งช่วงล่างก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะรถคันนี้ให้ระบบช่วงล่างที่สามารถปรับตั้งได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Preload, Compression, Rebound ในโช้คหน้า และ Preload, Rebound ในโช้คหลัง
ตัวเรือนไมล์แสดงผลข้อมูลได้อย่างครบถ้วน ข้อมูลหลักที่แสดงความเร็วกับตำแหน่งเกียร์ อีกส่วนจะแสดงข้อมูลทั่วไปไม่ว่าจะเป็น Riding Mode, ระดับ DTC, รอบเครื่อง และไฟเตือนต่างๆ
ท่านั่งทำออกมาได้อย่างดี ไม่ก้มเยอะและไม่โหนเยอะ ตำแหน่งการวางเท้าทำออกมาได้กระชับ สามารถใช้เข่าหนีบถังน้ำมันได้มั่นคง เบาะนุ่มนั่งสบาย ตัวเบาะค่อนข้างกว้าง อาจต้องกางขาเยอะนิดนึง
โดยรวมถือว่าขี่สนุกดี เครื่องมีกำลังดี ถึงแม้เครื่องใหญ่ แต่ขี่ง่ายมาก ไม่เหนื่อยเวลาขี่ ไม่ดึงหนัก แต่เรื่องความร้อนก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์อยู่ ยิ่งเวลาติดไฟแดง ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางคืนก็เถอะ ถ้าเป็นกลางวันนี่ ไม่ต้องพูดถึง
ราคาจำหน่ายของ Ducati Scrambler 1100
Ducati Scrambler 1100 ราคา 559,900 บาท
Ducati Scrambler 1100 Special ราคาว 599,900 บาท
Ducati Scrambler 1100 Sport ราคา 609,900 บาท
ขอขอบคุณบริษัท ดูคาทิสติ
#RideBigger
#Scrambler1100
#ScramblerThailand