ลองขับ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ก่อนเปิดตัว 17 สิงหาคมนี้

เรือธงรุ่นใหม่จากค่าย มิตซูบิชิ ที่เป็นกระแสมาแรงคงหนีไม่พ้น “เอ็กซ์แพนเดอร์” รถครอสโอเวอร์ที่จะมาตอบรับไลฟ์สไตล์คนคนรุ่นใหม่ โดยเอ็กซ์แพนเดอร์มียอดขายแล้วกว่า 50,000 คัน มีจำหน่ายที่ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ และเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 17 สิงหาคม 2561 ที่งาน BIG MOTOR SALE 2018 โดยหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเตรียมส่งมอบรถทันที




ฉัตรชัย ฉัตรพุทธรักษา ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เป็นรถรุ่นที่คาดความหวังไว้มาก เพราะเป็นรถรุ่นใหม่ที่นำมาทำตลาดในเมืองไทย โดยรถรุ่นนี้จะมาตอบโจทย์ความต้องการของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งในประเทศอินโดนีเซียมีจำหน่ายทั้งหมด 6 รุ่น โดยมีเกียร์ธรรมดาด้วย แต่ในเมืองไทยมีเพียง 2 รุ่น คือ รุ่น GT และรุ่น GLS-LTD แต่ไม่มีเกียร์ธรรมดา มีทั้งหมด 4 สีสำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของเอ็กซ์แพนเดอร์ คือลูกค้าในกลุ่มรถยนต์นั่งเล็ก - กลาง รถ SUV ขนาดเล็ก และกลุ่ม MPV ขนาดเล็ก หรือลูกค้าที่กำลังมองหารถใหม่ ซื้อเพิ่มหรือทดแทน โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน  BIG MOTOR SALE 2018 พร้อมกับการเปิดตัวที่โชว์รูม 220 สาขาทั่วประเทศ โดยตั้งเป้ายอดขายเดือนละ 600-1,000 คัน ต่อเดือน หรือ 10,000 คัน จากช่วงเปิดตัว จนถึงเดือนมีนาคม 2562 


สำหรับกิจกรรมแรกที่มิตซูบิชิจัดให้สื่อมวลชนได้สัมผัส เอ็กซ์แพนเดอร์ คือการทดลองขับโดยแบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 6 กลุ่ม เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ ประสิทธิภาพในการควบคุม ความกว้างขวาง และความสะดวกสบายของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ บนเส้นทางสภาพถนนจริงเป็นระยะทางรวมกว่า 3,000 กิโลเมตร ผ่านหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือสุดที่จังหวัดเชียงราย ผ่านหลายจังหวัดในภาคเหนือมุ่งสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และขับไปตามเส้นทางในภาคกลาง ก่อนจะลัดเลาะลงมาจนถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานีในภาคใต้



มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ นิยามใหม่ของรถครอสโอเวอร์ เป็นเซกเมนต์รถยนต์ที่บุกเบิกขึ้นใหม่ในประเทศไทยโดย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่นี้มาพร้อมรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวล้ำอนาคตด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ ที่ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันความแตกต่างของเอ็กซ์แพนเดอร์ในเมืองไทยและอินโดนีีเซีย โดยรวมภายนอกเหมือนกัน จะแตกต่างกันเพียงการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ใช้เบาะหนังสีดำ ในรุ่น GT และเบาะผ้าสีดำ ในรุ่น GLS-LTD และรุ่นในเมืองไทยมีการตกแต่งลายแคฟล่าสีเงิน ส่วนรุ่นที่ขายในอินโดนีเซียเป็นการตกแต่งลายไม้



เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย โดดเด่น ดึงดูดทุกสายตา ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบ ‘Form Follows Function’ หรือ ‘รูปลักษณ์ที่สอดคล้องกับการใช้งาน’ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ มีความลงตัวด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวผสานเข้ากับความแข็งแกร่ง และเปี่ยมด้วยระบบความปลอดภัย ด้านหน้าและตำแหน่งของไฟหน้าขณะที่ไฟหรี่แบบ Crystal LED ถูกติดตั้งอยู่ด้านบนของฝากระโปรงและเยื้องมาด้านหน้าซุ้มล้อจึงช่วยให้ผู้ใช้ทางเท้าและยานพาหนะอื่น ๆ สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น ไฟหน้าติดตั้งในกันชนหน้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนสายตาผู้ใช้ทางเท้ารวมถึงผู้ขับขี่ยานพาหนะที่สวนมา มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ รุ่นจีที ยังมาพร้อมไฟตัดหมอกหน้า มือเปิดประตูโครเมียม คิ้วขอบกระจกประตู และแผงกันกระแทกด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงคิ้วขอบประตูด้านล่างข้างตัวรถ มีความสูงจากพื้นมากกว่ารถยนต์ในรุ่นเดียวกันโดยอยู่ที่ 205 มม.(สำหรับล้ออัลลอย 16 นิ้ว) เพื่อเพิ่มศักยภาพการบุกตะลุยได้บนหลากหลายสภาพเส้นทาง พร้อมข้ามผ่านได้ทุกอุปสรรค และช่วยให้ฝ่าสภาพน้ำท่วมขังได้อย่างปลอดภัย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ยังมีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่าซึ่งไม่เพียงเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยบนท้องถนนแต่ยังมอบห้องโดยสารมีความกว้างขวางมากขึ้น มาพร้อมกับตำแหน่งที่นั่งขับขี่ที่สูงกว่า



ภายในห้องโดยสารของสะดวกสบายและมีความกว้างขวางที่สุดในระดับเดียวกัน ด้วยมิติในห้องโดยสารที่กว้างที่สุดและสูงที่สุด มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ สามารถปรับเบาะที่นั่งที่ได้อย่างอเนกประสงค์ รองรับผู้โดยสาร 7 คน ด้วยพื้นที่ช่วงขาและช่วงไหล่พร้อมให้ความกว้างขวางสะดวกสบาย อีกทั้งยังปกป้องผู้โดยสารจากเสียงรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยมและสามารถพับเบาะราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระ ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ ทั้งยังได้รับการพัฒนาจากแนวคิด “โอโมเตะนาชิ” หรือการดูแลและใส่ใจในทุกรายละเอียดแบบญี่ปุ่น เพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสาร ห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ จึงเปี่ยมด้วยความอเนกประสงค์ ทันสมัยและรองรับการใช้งานได้อย่างครบครันด้วยช่องจัดเก็บของมากมายและช่องชาร์จกระแสไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้งกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออก และสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบสามมิติ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง มีระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว และเบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว (เฉพาะรุ่นจีที) การออกแบบภายในห้องโดยสารเป็นไปตามอัตลักษณ์ดีไซน์แบบแนวราบ จัดเรียงแผงควบคุมทั้งหมดช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์การขับเคลื่อนของตัวรถ พร้อมกับช่วยเพิ่มทัศนวิสัยด้านหน้าและมอบความปลอดโปร่งยิ่งขึ้นแก่ห้องโดยสาร



ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์อลูมินัมอัลลอย น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมทุกการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง มีการใช้โซ่สายพานไทม์มิ่ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน อ่างน้ำมันเครื่องอลูมิเนียม ลดการสั่นสะเทือนให้ความเงียบในการขับขี่ ล้ออัลลอยแบบสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่นจีที) พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งในเชิงป้องกันและปกป้อง ได้แก่ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว , ระบบป้องกันการลื่นไถล ,ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ,ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบเสริมแรงเบรก , ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง รุ่นสูงสุดยังมาพร้อมกับกล้องมองภาพด้านหลัง ช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้าและทอร์ชันบีมที่ด้านหลัง มอบสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม



หลังจากได้ทดลองขับในรุ่น GT เป็นเกียร์ออโต 4 จังหวะ มาพร้อมปุ่ม OD และ INC ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ขับแล้วให้ความรู้สึกคล่องตัว ทัศนวิสัยในการขับดี จุดอับสายตาน้อย คล่องตัวทุกสภาพถนน รัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 5.2 เมตร ทำให้คล่องตัวในเมืองและกลับรถได้อย่างง่ายดาย อัตราเร่งช่วงต้นพอตัว และเมื่อขับความเร็วเพิ่มขึ้นตีนปลายไหลได้ถึง 160 กม./ชม. สิ่งที่โดดเด่นในเอ็กซแพนเดอร์ เห็นจะเป็นในเรื่องของระบบช่วงล่างที่ออกแบบให้เกาะถนนแม่นยำ นุ่มนวล โช๊คอัพหน้า-หลัง ติดตั้งวาล์วสมรรถนะสูง จาก Lancer  Evolution X เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน พร้อมเหล็กค้ำหัวโช๊คอัพคู่หน้า ติดตั้งเพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน การเก็บเสียงในห้องโดยสารเงียบระดับหนึ่ง ด้วยวัสดุซับเสียงและลดการสั่นสะเทือนรอบห้องโดยสาร กระจกบังลมหน้าเสริมวัสดุซับเสียง พร้อมเพิ่มความหนาของกระจกด้านข้างบานหน้า 4.0 มม. และบานหลัง 3.5 มม. ในด้านอรรถประโยชน์ของห้องโดยสารให้มาอย่างครนครัน ปุ่มควบคุมและการวางตำแหน่งต่างๆติดตั้งตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่าย เบาะปรับพับได้หลากรูปแบบ ส่วนที่น่าจะเพิ่มคือช่องยูเอสบี เพราะที่มีเพียงแค่ 1 ช่องเท่านั้น และเข็มขัดนิรภัยไม่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ สำหรับอัตราประหยัดน้ำมันทางมิตซูบิชิเคลมมาที่ 14.5 กม./ลิตร จากการทดลองขับจริงบนถนนนอกเมืองลัดเลาะผ่านขึ้นลงภูเขา และมีการใช้งานในเมือง ตัวเลขออกมาที่ 12.5 กม./ลิตร (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของแต่ละคน)



ทั้งนี้ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ นิยามใหม่ของครอสโอเวอร์ จะเปิดตัวในวันที่ 17 สิงหาคม ศกนี้ ที่งาน BIG MOTOR SALE 2018 ณ ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติไบเทค บางนา และพร้อมจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่เครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้