มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดกิจกรรมทดลองขับมาสด้า CX-3 ใหม่ บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร โดยการทดลองขับครั้งนี้ยังได้ให้สื่อมวลชนร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย รวมทั้งยังได้ปล่อยพันธุ์ปลาร่วมอนุรักษ์สัตว์น้ำ
เริ่มออกเดินทางจากโชว์รูม มาสด้า JP ถนนเลียบด่วนรามอินทรา มุ่งหน้าสู่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจุดแวะพักเพื่อทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คือ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี โครงการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นสืบเนื่องจากพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริด้านปัญหาขยะและน้ำเสีย ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือ การแก้ไขปัญหาน้ำเสียและขยะชุมชน โดยยึดหลักการ “ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ” นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้เป็นแหล่งประกอบอาชีพจากสภาพธรรมชาติที่ดีขึ้น โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เพื่อเรียนรู้ขั้นตอนการบำบัดน้ำเสีย รวมถึงชื่นชมความงามของนกสายพันธุ์หายาก และยังสามารถปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อเป็นการอนุรักษ์สัตว์น้ำ
สำหรับมาสด้า CX-3 เปิดตัวในปี 2558 ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด “การสร้างมาตรฐานสำหรับยุคใหม่” ในรูปแบบของรถ Crossover SUV ที่อยู่เหนือแนวความคิดของรถยนต์ในระดับเดียวกัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทางมาสด้า ได้รวบรวมข้อเสนอแนะต่างๆมาปรับปรุงแก้ไข ทั้งเรื่องของการออกแบบ สมรรถนะ ความปลอดภัย และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยภายนอกมีการปรับปรุงในหลายจุดทั้งกระจังหน้า เน้นถึงการออกแบบที่ดูมั่นคง แต่ยังคงไว้ซึ่งรายละเอียดอันประกอบไปด้วยเส้นของลายกระจัง 2 เส้นที่มีความหนาที่ต่างกัน ช่วยให้ไฟหน้าและซิกเนเจอร์วิง มีความโดดเด่น ดูเฉียบคมและมีมิติมากขึ้น เส้นโครเมี่ยมที่ประดับบนกันชนหน้าให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับเส้นโครเมี่ยมด้านข้างตัวรถ กรอบไฟตัดหมอกและวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกแบบสีดำเงา โคมไฟท้ายเปลี่ยนมาเป็นแบบวงแหวนประกอบกับเส้นแนวนอน แสดงออกถึงลักษณะของความแม่นยำของเครื่องจักรกลและความลึก รวมไปถึงแสงของไฟท้ายที่มีคุณภาพสูงขึ้น การจัดวางตำแหน่งของดวงไฟ LED ที่วางไว้อย่างเหมาะสมช่วยเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวของแสงไฟ ทำให้ไฟมีความโดดเด่น การออกแบบล้ออัลลอยดูทรงพลังด้วยขนาด 18 นิ้ว การออกแบบที่มีหลายมุมของก้านล้อให้ความรู้สึกของความลึกและความเร็ว รวมถึงวิธีการที่ล้อได้แผ่จากศูนย์กลางของล้อช่วยเน้นท่าทางของรถให้ดูมั่นคง
ภายในมีการเปลี่ยนแปลงหลายจุด ได้แก่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) ง่ายต่อการใช้งานเพียงแค่กดสวิตช์ ส่วนการยกเลิกการทำงานทำได้โดยการกดสวิตช์พร้อมเหยียบแป้นเบรก หรือยกเลิกการทำงานโดยง่ายด้วยการเหยียบคันเร่ง ทั้งยังช่วยให้คอนโซลกลางมีความสง่างามและมีเส้นสายที่ต่อเนื่องกับคอนโซลหน้า นอกจากนั้นแล้วยังทำให้พื้นที่ตรงบริเวณคอนโซลกลางเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ด้วยพนักวางแขน พร้อมช่องเก็บของที่ปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบ Auto Hold ช่วยให้รถหยุดอยู่กับที่หลักจากผู้ขับชะลอรถจนหยุดนิ่ง แม้ว่าผู้ขับจะถอนเท้าออกจากแป้นเบรก ถ้าใช้ตอนรอสัญญาณไฟจราจรหรือเคลื่อนตัวช้าๆ ในสภาวะรถติด ระบบนี้สามารถเปิด-ปิดด้วยสวิตช์บนแผงคอนโซลกลาง
CX-3 มีเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซลขนาด 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซินขนาด 2.0 ลิตร ชุดระบบขับเคลื่อนทั้งสองให้การตอบสนองของเครื่องยนต์และการควบคุมความเร็วจากการสั่งการของคนขับได้อย่างดีเยี่ยม เครื่องยนต์คลีนดีเซลให้อัตราเร่งและการตอบสนองที่นุ่มนวล ในขณะที่เครื่องยนต์เบนซินให้การตอบสนองที่ฉับไวและสั่งได้อย่างใจคิดจากการทดลองขับ ผ่านการจราจรหลายสภาพตั้งแต่ในเมืองที่ปริมาณรถค่อนข้างมาก มาสด้า CX-3 มีความกะทัดรัดสามารถซอกแซก และเลี้ยวในที่แคบได้อย่างคล่องตัว พอเริ่มออกนอกเมืองทำความเร็ว รู้สึกว่าอัตราเร่งทำได้ดี ตอบสนองได้ดั่งใจต้องการ นอกจากนี้ยังได้ขับผ่านสะพานเป็นช่วงๆและสภาพถนนที่ก่อสร้าง ขรุขระ ระบบช่วงล่างของ CX-3 ซับแรงกระแทกได้ดี นุ่มนวลแต่ไม่ยวบยาบ ผ่านโค้งมากมายทำให้รู้สึกถึงการเข้าโค้งที่แม่นยำ มั่นใจได้ทั้งระบบช่วงล่างและความแม่นยำของพวงมาลัย ในส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้มาอย่างครบครัน ติดเรื่องเดียวคือภายในห้องโดยสารด้านหลัง ที่นั่งค่อนข้างเล็กถ้าคนรูปร่างใหญ่นั่งด้วยกัน 3 คน อาจไม่สบายเท่าไหร่
การปรับปรุงสมรรถนะของ NVH มุ่งเน้นเรื่องของความเงียบในห้องโดยสาร เสียงรบกวนจากกระแสลมปะทะและเสียงจากพื้นถนนลดลง ด้วยการเพิ่มความหนาของวัสดุประตูคู่หน้า-หลัง และกระจกของประตูท้าย รวมถึงการเพิ่มวัสดุซับเสียงบริเวณประตู นอกจากนั้นแล้วยางขนาด 215/50R18 ที่ได้พัฒนาขึ้นใหม่นี้จะช่วยซับแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากพื้นถนน อีกทั้งยังช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลงตั้งแต่จุดที่เริ่มเบรกไปจนถึงจุดที่รถหยุดสนิท ระบบความปลอดภัยมีครบครัน ทั้งโครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-BODY น้ำหนักเบาแต่คงความแข็งแรงสูง และเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ก้าวล้ำบนพื้นฐานของปรัชญาด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันของมาสด้า การพัฒนาครั้งนี้ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าและตอบสนองการใช้งานมากขึ้น
CX-3 มีทั้งหมด 5 รุ่น โดย รุ่น 2.0 E ราคา 879,000 บาท รุ่น 2.0 C ราคา 955,000 บาท รุ่น 2.0 S ราคา 1,029,000 บาทรุ่น 2.0 SP ราคา 1,083,000 บาท รุ่น 1.5 XDL ราคา 1,189,000 บาท