มาสด้าคาดการณ์ตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ในปี 2563 ยอดขายสะสม (รวม PPV) 150,000 คัน โดยเป็นรถมาสด้า 18,000 คัน จากเดิม 5,736 ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 200% และหลังจากที่มาสด้า CX-30 เปิดตัวอย่างเป็นทางการสู่ตลาดเมืองไทย ค่ายมาสด้าจัดกิจกรรมต่อเนื่องให้สื่อมวลชนได้ทดลองขับ CX-30 บนเส้นทางพิษณุโลก- ขอนแก่น รวมระยะทาง 325 กิโลเมตร
มาสด้าวางตำแหน่งของมาสด้า CX-30 ให้อยู่ระหว่าง มาสด้า CX-5 และมาสด้า CX-3 และในการทดลองขับขี่ครั้งนี้แต่ละคันนั่ง 3-4 คน โดยให้ทุกคนสลับตำแหน่งคนขับ ผู้โดยสารด้านหน้า ผู้โดยสารด้านหลัง เพื่อได้ทดลองขับและทดลองนั่งในทุกตำแหน่ง เส้นทางการขับขี่มีทั้งแบบในเมือง นอกเมืองและขับขึ้น-ลงเขา ลัดเลาะโค้งต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ทดลองสมรรถนะอัตราเร่งอย่างเต็มที่ จากการขับขี่มาสด้า CX-30 รู้สึกว่าให้อัตราเร่งกำลังดี ช่วงตีนต้นไม่จัดจ้าน แต่พอความเร็วเพิ่มขึ้นคันเร่งลื่นไหลอัตราเร่งมาเต็ม พวงมาลัยให้ความแม่นยำหน่วงกำลังดี ทำให้การขับขี่ควบคุมได้ง่ายขึ้นทั้งยังให้ความสนุก ตัวรถมีขนาดกำลังดีไม่ใหญ่เทอะทะ และไม่เล็กจนอึดอัดเกินไป ตัวรถมีความสูงกว่ารถทั่วไปทำให้มีมุมมองที่โปร่งขับขี่ง่าย สิ่งที่น่าจะมีเพิ่มเติมคือ ระบบแอร์ด้านหลัง และน่าจะเพิ่มช่องเสียบยูเอสบีด้านหลังให้ด้วย เมื่อได้ทดลองขับสิ่งที่ต้องทำความคุ้นเคยในการขับน่าจะเป็นในเรื่องของระบบเบรกส่วนตัวผู้เขียนและผู้ขับขี่ร่วมคันให้ความเห็นว่า “เบรกลึก” ซึ่งต้องเหยียบแป้นเบรกให้หนักขึ้น จึงเบรกได้หยุดแม่นยำ ทั้งนี้อาจจะเป็นสไตล์ของ CX-30 และการปรับจูนของทางมาสด้า ส่วนภายในมีพื้นที่ใช้งานสะดวกสบาย มาพร้อมเทคโนโลยีและความปลอดภัยที่อัดแน่น ในรุ่นเริ่มต้นของ CX-30 ราคาเพียง 989,000 บาท แต่ใส่ออฟชั่นมาเพียบ เทียบเท่ารุ่นท๊อปของคู่แข่ง จึงทำให้มาสด้า CX-30 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะให้ระบบต่างๆมามากมาย
รถเอนกประสงค์สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากขึ้นเหมาะกับคนรุ่นใหม่ ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของรถคอมแพ็คเอสยูวี คือ ความอเนกประสงค์ คล่องตัวในการขับขี่ มีความสะดวกสบาย และตอบสนองการใช้งาน ได้หลากหลายรูปแบบ ส่งผลให้รถสไตล์นี้ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายในห้องโดยสารของ Mazda CX-30 ถูกพัฒนาตามหลักปรัชญา HUMAN CENTRIC PHILOSOPHY ยึดผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ออกแบบการวางตำแหน่งของอุปกรณ์ควบคุมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับลักษณะและสรีระของผู้ขับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภาย ในห้องโดยสารประกอบด้วย เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล TFT LCD หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้าช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสาย ตาจากถนน ส่วนการเชื่อมต่อการสื่อสารมีระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน พร้อมระบบ เสียงจาก Bose ลำโพง 12 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะหลัง แบบพับได้ 60:40 แยกอิสระจากกัน และประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
มาสด้า CX-30 ใช้เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร แรงขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้น โดยมอบพละ กำลังสูงสุดที่ 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที โดยสามารถรองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85 ความโดดเด่นที่ตามมาก็คือ GVC Plus หรือ G-Vectoring Control Plus ซึ่งเป็นระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ส่งผลต่อแรงบิดที่จะเป็นไปตามการหักเลี้ยวพวงมาลัย ควบคู่ไปกับการเบรก ส่งผลสู่ความนุ่มนวลในการขับขี่ มีเสถียรภาพ และยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นด้วย
ส่วนทางด้านการดีไซน์ All-new Mazda CX-30 ถือเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีเจเนอเรชั่นใหม่รุ่นแรกที่ยึดหลักแนวคิดแบบ KODO กับความเรียบง่าย แต่งดงามในเส้นสาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More รวมไปถึงวัสดุเกรดพรีเมียมคุณภาพสูงที่หยิบมาใช้ โดยเฉพาะภายในห้องโดยสารที่น่าสนใจเอามากๆ กับเบาะนั่งที่โอบกระชับสรีระ ทำให้กระดูกเชิงกรานตั้งตรง แนวกระดูกสัน หลังคงรูปตัว S เฉกเช่นมนุษย์เดิม รวมไปถึงฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ต่างๆ ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ ไม่ต้องละสายตาจากถนน
จากผลสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์คันใหม่ พบว่าการตัดสินใจซื้อรถเอสยูวีประกอบไปด้วย 5 องค์ประกอบหลักดังนนี้ อันดับแรก ลูกค้าจะพิจารณารถยนต์รูปแบบตัวถังเอสยูวีที่มีอยู่ในตลาด หลังจากนั้นจึงพิจารณาระดับ ราคาให้อยู่ในงบประมาณที่กำหนดไว้ และเลือกเซ็กเมนต์รถเอสยูวีที่ตนสนใจ (ปัจจุบันมีทั้งรถเอสยูวีซับคอมแพ็คและคอมแพ็ค) หลังจากนั้นจึงเลือกรุ่นรถเอสยูวีในเซ็กเมนต์ที่สนใจ และพิจารณาเปรียบเทียบฟังก์ชั่นการใช้งาน อุปกรณ์ต่างๆ ของตัวรถ โดยปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์อเนกประสงค์ของลูกค้า ได้แก่ ดีไซน์ ทั้งภายนอกและภายใน ที่สะท้อนรสนิยมของผู้ขับขี่ พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่เหมาะสมกับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ความสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง ตลอดการเดินทาง และบ่งบอกบุคลิกความอินเทรนด์ของตนเองด้วยเทคโนโลยียานยนต์ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อการสื่อสาร เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ รวมไปถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกคน ในครอบครัว
มาสด้า CX-30 มาพร้อมแนวคิด “LIFE’S ALWAYS ON เติมชีวิตให้เต็มความหมาย” จึงถูกวางให้เป็นโมเดล กลยุทธ์หลักสำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็มรถยนต์ในกลุ่มครอสโอเวอร์เอสยูวี หรือ CX Series อันเลื่องชื่อของมาสด้า ซึ่งปัจจุบันมาสด้า มีรถครอสโอเวอร์เอสยูวีให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดถึง 4 รุ่นด้วยกัน มากที่สุดในตลาด ประกอบด้วย CX-3, CX-30, CX-5 และ CX-8 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบ เป็นยนตรกรรมครอสโอเวอร์เอสยูวีเพื่อชีวิตคนเมืองที่ดีที่สุด สามารถเติมเต็ม ความต้องการในทุกจุดเปลี่ยนของชีวิต อีกทั้งมาสด้ามีความมุ่งหวังที่เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้หันมานิยมรถประเภทนี้ มากยิ่งขึ้นในประเทศไทย และเตรียมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถคอมแพ็คเอสยูวีด้วยความหรูหราตั้งแต่ดีไซน์ภายนอก สู่ภายในห้องโดยสาร สัมผัสได้ถึงคุณภาพและความมีระดับในทุกรายละเอียด มอบความสะดวกสบายและพื้นที่การใช้สอยอรรถ ประโยชน์ สนนราคา รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท