เมื่อคุณได้นำรถออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอก สิ่งที่คุณต้องกลับมาเจอคืออะไรบ้าง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเหตุการณ์ “ขี้นกตกใส่” หลายคนอาจจะเชื่อว่าการถูกทิ้งระเบิดจากนกน้อยโดยบังเอิญนั้นถือเคล็ดเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่คงจะไม่ดีต่อสีรถสวยๆ ของคุณแน่
รถฟอร์ดผ่านการทดสอบเพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้เรียบร้อยแล้ว ด้วยตัวช่วยอย่าง “ขี้นกเทียม” สารสังเคราะห์ที่ทำขึ้นในห้องทดลองของฟอร์ดนั้นเสมือนจริงมากจนสามารถเลียนแบบสิ่งต่างๆ ที่นกนานาชนิดกินเข้าไป แล้วทำให้ออกมาเป็นกรดต่างๆ ปะปนในสารได้อย่างแนบเนียน ชิ้นส่วนที่นำมาทดสอบด้วยการพ่นสเปรย์ ถูกนำไปอบในเตาอุณภูมิ 40, 50 และ 60 องศาเซลเซียส เพื่อเลียนแบบการนำรถไปจอดในที่ที่มีความร้อนสูง ทำให้สารป้องกันการกัดกร่อนสีรถถึงขีดจำกัด
“การทดสอบขี้นก” เป็นแค่ขั้นตอนเดียวของการนำชิ้นส่วนที่มีการเคลือบสีมาทดสอบ นอกจากนี้ วิศวกรฟอร์ดยังใช้กรดฟอสเฟอริกผสมกับน้ำยาทำความสะอาด และเกสรดอกไม้สังเคราะห์พ่นลงบนชิ้นส่วนตัวถัง ก่อนจะทำไปอบในเตาที่ความร้อน 60 องศาเซลเซียส และ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที การทดสอบนี้ใช้ป้องกันสสารล่องลอยในอากาศอย่างเกสรดอกไม้ และเศษไม้มียาง
ยิ่งในประเทศเขตร้อน สีรถจะเสี่ยงต่อการเสียหายเป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่เพียงแต่จะมีนกเยอะในทุกฤดู แต่สีรถยังสามารถปรับเปลี่ยนสถาพและซีดจางลงได้ ในกรณีที่จอดกลางแดดร้อนจัดตลอดเวลา พอเจอความเย็นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในของสี อีกทั้งรวมถึงสิ่งปฏิกูลจากนก เกาะติดกับพื้นผิวตัวถัง หากทิ้งไว้อย่างนั้น จะกลายเป็นคราบถาวรที่จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยกำจัดออก ผู้เชี่ยวชาญได้ทดสอบว่า สารเคลือบที่ฟอร์ดใช้กับสีรถมีความสามารถสูงสุดในการต้านปฏิกิริยาจากสิ่งปนเปื้อนในอากาศและมีความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศในทุกรูปแบบ โดยการปรับสูตรสี เรซิน และสารเติมแต่งอื่นๆ ที่ใช้ในการทำสีและเคลือบรถ ขี้นกมักจะประกอบไปด้วยสีขาว และดำ แต่รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่อุจจาระทั้งหมด ส่วนสีขาวนั้นคือกรดยูริก และสร้างขึ้นในทางเดินปัสสาวะของนก จึงเทียบได้กับปัสสาวะ ส่วนที่เป็นอุจจาระมาจากระบบทางเดินอาหาร และร่างกายของนกได้ปลดปล่อยของเสียทั้งสองในเวลาเดียวกันอย่างรวดเร็วมาก จนไม่มีเวลาให้ของเสียทั้งสองผสมกัน
ฟอร์ดยังใช้ตัวอย่างสีที่ใช้พ่นรถยังไปทดสอบบด้วยวิธีอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบมาราธอน ยาวนานถึง 6,000 ชั่วโมง (250 วัน) ในห้องฉายแสง เพื่อจำลองระยะเวลา 5 ปี ในที่ที่สว่างที่สุดในโลก เพื่อประเมินการกัดกร่อนจากแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังนำไปแช่อุณหภูมิติดลบ ให้เผชิญกับคราบน้ำแข็งเกาะติดจากฤดูหนาวที่รุนแรงในห้องเกลือความชื้นสูง และทดลองด้วยคราบน้ำมันสำหรับกรณีที่เติมน้ำมันมากเกินไปจนล้นออกมา
การปล่อยให้ขี้นกเลอะรถอยู่อย่างนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดี เจ้าของรถควรล้างรถเป็นประจำด้วยฟองน้ำและน้ำอุ่นที่ผสมสบู่ล้างรถค่ากรดเป็นกลาง และค่อยๆ ลบคราบที่ลบง่ายออกจากรถทันที การลงแว็กซ์ปีละ 2 ครั้งก็จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสีรถจะฝ่าฟันสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ โดยที่ยังเงาวับได้นานกว่าเดิม