ปิดฉาก ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2020 เผยปีหน้าก้าวสู่ปีที่ 10 อย่างยิ่งใหญ่

พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงานแสดงรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2020 เปิดเผยว่า แม้จะเลื่อนวันจากเดิมในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2563  มาเป็น วันที่ 28 ตุลาคม – 1  พฤศจิกายน 2563 ณ ฮอลล์ 105 - 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่ผลสรุปของการจัดงานในปีนี้ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  โดยตลอด 5 วันมียอดผู้เข้าชมประมาณ 105,000 คน ลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนร่วมงานประมาณ  30% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ส่วนปัจจัยอื่นๆที่น่าจะมีผลคือ สถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการวางแผนการเดินทาง อีกทั้งปีนี้ยังตรงกับวันเทศกาลลอยกระทง–ฮัลโลวีน และ สภาพฝนฟ้าอากาศ เป็นต้น



อย่างไรก็ดีเมื่อดูจากภาพรวมจากการขายรถยนต์ทั้งรถใหม่และรถใช้แล้วภายในงานนั้น กลับพบว่า ปีนี้สามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น แสดงให้เห็นถึงกลุ่มลูกค้าที่แม้จะมีจำนวนลดลงจากทุกปีที่ผ่านมา แต่ผู้เข้าชมงานกลับเป็นกลุ่ม Organic Customer กล่าวคือเป็นกลุ่มลูกค้าที่ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรถมาเป็นอย่างดี มีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีความตั้งใจจะมาชมงานเพื่อซื้อรถยนต์มากกว่า เดินชมงานเฉยๆ ส่งผลให้ยอดขายรถทุกชนิดในปีนี้มีเป้าหมายที่ไม่ตกจากเป้าที่ได้กำหนดไว้ โดยรถที่ได้รับความนิยมในส่วนรถยนต์ใหม่คือ โตโยต้า เอ็มจี มิตซูบิชิ และมาสด้า ส่วนรถยนต์ใช้แล้ว รถที่ได้รับความนิยมซื้อในปีนี้คือ รถยนต์หรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู อาวดี้ และปอร์เช่  ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้มียอดขายมากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด และ ที่น่าสังเกตอีกประการคือ นอกจากจะวางแผนในการเลือกซื้อรถแล้ว ยังมีวินัยในการใช้เงินมากขึ้น พบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจซื้อจะมีความพร้อมด้านการเงินในเกณฑ์ที่ดีมากคือ การซื้อรถยนต์ด้วยเงินสดมากขึ้น ขณะที่การซื้อรถยนต์ผ่านสถาบันทางการเงินนั้น พบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะดาวน์สูง และผ่อนชำระในระยะสั้น เพื่อลดทอนการเป็นหนี้ในระยะยาว 



ส่วนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงนั้นพบว่า หากมีผู้ประกอบการรถยนต์ใหม่ป้ายแดง นำเอารถที่เพิ่งเปิดตัวหมาดๆ เข้ามาเปิดรับจอง และจำหน่ายภายในงาน ก็จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถทำยอดจำหน่ายได้มาก เช่นเดียวกัน หากบริษัทใด มีเงื่อนไขการจำหน่ายหรือมีแคมเปญที่น่าสนใจ ยอดจำหน่ายรถก็จะเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นเช่นกัน ทีมงาน ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์  พร้อมเดินหน้าก้าวสู่ปีที่ 10 และขอยืนยันการจัดงานในช่วงเวลาเดิมนั่นคือ เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม  ซึ่งจากประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาอย่างยาวนาน ประกอบกับความพร้อมของพันธมิตรทุกราย ทำให้มั่นใจว่าแม้การเตรียมงานในปีหน้า จะสั้นและกระชั้นขึ้น กว่าทุกปีที่ผ่านมา หากไม่มีสถานการณ์ใดๆเข้ามากระทบ เรายังคงเชื่อมั่นว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะมีความพร้อมในการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแข่งขันด้านกิจกรรมส่งเสริมการขาย การตลาดในรูปแบบต่างๆที่เร้าใจกว่าทุกปี คาดว่าปี 2020 จะเป็นการเปิดบันทึกหน้าใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในการดึงกำลังซื้อกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน



ภิญโญ​ ธนวัชรภรณ์​ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว​ เปิดเผยว่า การเข้าร่วมงาน ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ 2020 ในปีนี้ แม้ว่าลูกค้าจะมาเดินในงานลดจำนวนลงกว่าทุกปี แต่ยอดขายกลับพบว่าผู้ประกอบการสามารถปิดยอดขายได้ในระดับดีกว่าที่คาดไว้โดยมีปัจจัยจาก กลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของผู้จัดงานคือ อ.พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผนวกกับ ความเชื่อมั่นในมาตรการ รับซื้อคืน 100% ภายใต้เงื่อนไข 5 ข้อที่การันตีไว้ของผู้จัด นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าที่มาชมงานปีนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ดังจะเห็นจากยอดขายรถยนต์ส่วนใหญ่ อยู่ในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลาง -ใหญ่ และ รถตู้ -รถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) โดยกลุ่มนี้ได้รับความนิยมมากกว่ารถยนต์ขนาดเล็ก ดังนั้นเมื่อดูจากยอดการขายแล้ว ทางสมาคมฯและสมาชิกทุกรายมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและชื่อเสียงของงานฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์ ที่สมาคมยกให้เป็นงานประจำปี ที่ทำให้ผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วได้มีพื้นที่ หรือมีเวทีขายที่จะสร้างการจดจำให้กับลูกค้าได้รู้จักกับผู้ประกอบการ สร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าของเราให้เป็นที่รู้จักต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่จะทำให้ยกระดับผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วให้ได้รับการยอมรับ ถือเป็นความยั่งยืนที่จะส่งผลในเรื่องความเชื่อมั่นระยะยาวของผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วภายใต้การดูแลของสมาคมฯ และภาพรวมตลาดรถยนต์ใช้แล้วปีนี้ที่ลดลงอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะลดลง 20% แต่ทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์เดือนธันวาคม เพราะเป็นเดือนที่ขายดีที่สุดของปี ด้านการแข่งขันของรถใหม่ป้ายแดงผ่านโปรโมชั่นนั้น แม้จะรุนแรงแต่ก็คาดว่าจะไม่กระทบกับกลุ่มรถยนต์ใช้แล้ว เพราะพฤติกรรมของลูกค้าในการซื้อรถของทั้งสองกลุ่มนั้นมีความแตกต่างกันชัดเจน โดยแต่ละกลุ่มมีแนวทางหรือเหตุผลในการเลือกซื้อรถยนต์ของตัวเอง

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้