บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เสริมความคุ้มค่าให้ ฮอนด้า แอคคอร์ด ตอกย้ำเส้นทางแห่งผู้นำด้านยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งด้านการขับเคลื่อน ขุมพลังเทอร์โบและฟูลไฮบริด และด้านความปลอดภัย มอบความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ซึ่งได้ติดตั้งเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน ครอบคลุมทุกรุ่นย่อย อาทิ ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง และเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ Honda CONNECT พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบในราคาที่คุ้มค่า เริ่มต้นที่ 1,499,000 บาท ใน แอคคอร์ด รุ่น EL และแนะนำ แอคคอร์ด e:HEV ที่มาพร้อมเอกลักษณ์ของยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV มอบอากาศบริสุทธิ์ด้วยเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร พลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster Technology) โดยราคาจำหน่ายรุ่น e:HEV EL+ 1,639,000 บาท และรุ่น e:HEV TECH 1,799,000 บาท หมดกังวลด้านการบำรุงรักษา การันตีความมั่นใจในการใช้งานด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร*
(อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์* (Honda Ultimate Care) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24ชั่วโมง
ฮอนด้า แอคคอร์ด ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ซึ่งเป็นการผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนนและช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่รวมทั้งควบคุมรถ มอบความมั่นใจในทุกการเดินทาง ได้แก่ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียมในรุ่น e:HEV TECH อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System)
พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัยอื่นๆ เช่น ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียวและเฉียบคม ผสานความหรูหราและความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว โดยทุกรุ่นมาพร้อมกระจังหน้าแบบโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED เสริมความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสียคู่พร้อมปลอกท่อไอเสียสเตนเลส (เฉพาะรุ่น EL) ตอกย้ำเอกลักษณ์อันโดดเด่นของยนตรกรรมไฮบริดใน แอคคอร์ด e:HEV ด้วย โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย มาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 17 นิ้วในรุ่น EL และขนาด 18 นิ้วในรุ่น e:HEV เสริมความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์หลัง และเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยซันรูฟพร้อมระบบ One-Touch (เฉพาะรุ่น e:HEV TECH)
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โปร่งโล่ง ผสานดีไซน์ความหรูหราและประณีตไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยเบาะหนังดีไซน์พรีเมียมสีน้ำตาลและสีดำ พร้อมชุดตกแต่งลายไม้ มอบความสะดวกสบายสุดเอกซ์คลูซีฟด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัยที่ครบครัน สมบูรณ์แบบในทุกการเดินทาง อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster Technology) (เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV TECH) ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) (เฉพาะรุ่น e:HEV TECH) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วแบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ (Memory Seat with Easy Entry/Exit) พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ครบครันในรุ่นเริ่มต้น
ฮอนด้า แอคคอร์ด มาพร้อมกับ 2 ขุมพลังการขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง ได้แก่ รุ่น EL ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 243 นิวตัน-เมตร จากเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ขับสนุก อัตราเร่งทันใจ และมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 และรุ่น e:HEV ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังสูงสุด 215 แรงม้า จากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 97 กรัม/กิโลเมตร โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดถึง 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) อีกทั้งผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์เลือกควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่ที่ใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ฮอนด้า แอคคอร์ด ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอารมณ์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง ตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างเร้าใจ โดยสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม SPORT ที่อยู่บริเวณด้านล่างของคันเกียร์ โดยสัญลักษณ์ SPORT จะแสดงขึ้นบนมาตรวัดในขณะที่ใช้ระบบ หรือเลือกใช้ระบบ ECON Mode ที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน อีกทั้งปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบประสบการณ์การขับขี่ยนตรกรรมระดับพรีเมียมได้อย่างมั่นใจ ด้วยมาตรฐานการบริการหลังการขายที่มีคุณภาพจากโชว์รูมและศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ หมดกังวลด้านการบำรุงรักษา กับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร* รวมเริ่มต้นเพียง 23,196 บาท* อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance) เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นใน แอคคอร์ด e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง*
ฮอนด้า แอคคอร์ด ทุกรุ่น มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) และ สีดำคริสตัล (มุก) ที่มาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีน้ำตาล และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมสีภายในห้องโดยสารสีดำ โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น e:HEV TECH ราคา 1,799,000 บาท รุ่น e:HEV EL+ราคา 1,639,000 บาท รุ่น EL ราคา 1,499,000 บาท