บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในช่วงปี 2564 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบโดยรวมต่อสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างรุนแรง ซูซูกิเป็นอีกหนึ่งค่ายที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับตลาดรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ซูซูกิยังคงมองเห็นโอกาสท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ดังกล่าว และยังมุ่งหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เกิดการฟื้นตัวโดยเร็ว จึงได้ทำการปรับกลยุทธ์ในการทำงานท่ามกลางสถานการณ์อันยากลำบากนี้ ให้สามารถตอบรับต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ทั้งด้านงานบริการไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด อีกทั้งผู้บริโภคมองหาสินค้าที่คุ้มค่า คุ้มราคาเป็นหลัก โดยในปี 2564 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 22,378 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SUZUKI CELERIO มียอดจำหน่าย 4,651คัน เติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา 7% ขึ้นแท่นครองใจผู้บริโภคยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ของตลาดที่ยากลำบาก
นายมิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ในประเทศไทยหดตัวลงจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซูซูกิยังคงมุ่งมั่นในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด การขาย และการบริการซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด จนสามารถสร้างยอดจำหน่ายรวมในปีที่ผ่านมาไปได้ถึง 22,378 คัน โดยสรุปยอดจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิแบ่งตามรุ่นดังนี้ SUZUKI SWIFT สปอร์ตอีโคคาร์ยอดนิยม มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 8,413 คัน SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 4,651 คัน SUZUKI CIAZ พรีเมียมอีโคคาร์ซีดาน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,264 คัน SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เปิดกระบะท้ายได้ 3 ด้าน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,886 คัน SUZUKI XL7 ใหม่ รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่าย อยู่ที่ 3,399 คัน SUZUKI ERTIGA รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 759 คัน
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากผลกระทบต่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไปจนถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในช่วงที่ผ่านมาของคนไทย นอกจากจะส่งผลต่อการการปรับตัวของผู้บริโภคไปสู่วิถีในรูปแบบใหม่แล้วนั้น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า การเดินทางในชีวิตประจำวันที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและรักษาระยะห่างจากผู้อื่นมากยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่มีส่วนในการตัดสินใจซื้อรถยนต์สักคันของผู้บริโภค นอกจากความสะดวกสบายในการเดินทาง การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชีวิต ยังมุ่งหวังในด้านของการลดสภาวะการเผชิญการเดินทางที่มีผู้คนแออัดเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ การคำนึงถึงความคุ้มค่า คุ้มราคา มาพร้อมกับความต้องการรถยนต์คุณภาพดี จึงเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายรถยนต์หลายรุ่นของซูซูกิให้มีตัวเลขที่ดีเกินคาด โดยเฉพาะกับ SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มียอดขายอยู่ที่ 4,651 คัน ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 107% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดรถยนต์อีโคคาร์มีอัตราลดลง 4% ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เมื่อพูดถึงรถที่มอบให้ทุกความคุ้มค่า คุ้มราคาในการใช้งานเพื่อตอบโจทย์ชีวิต SUZUKI CELERIO ยังคงเป็นตัวเลือกที่อยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทยมาตลอด ทั้งในเรื่องของราคาจำหน่ายที่ลูกค้าสามารถตัดสินใจครอบครองเป็นเจ้าของได้ง่าย ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,999 บาท อีกทั้งยังตอบสนองการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่มอบให้ทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัด ขนาดห้องโดยสารที่กว้างสบาย มีพื้นที่บริเวณเหนือศีรษะและพื้นที่วางขาสบายทั้งที่นั่งตอนหน้าและตอนหลัง พร้อมด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ จุสัมภาระได้มากเกินคาด
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังมั่นใจได้ในสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ K10B ขนาด 1.0 ลิตร ขนาดคอมแพ็คที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มอบพละกำลังและความสามารถเกินตัว มีสมรรถนะการขับที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่นสะดุดตา เสริมความอุ่นใจด้วยระบบและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยมาตรฐานตอกย้ำภาพลักษณ์ของซูซูกิเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถอีโคคาร์ สำหรับ CELERIO ครบครันด้วยคุณภาพ ให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด มีสมรรถนะที่ดี มีความคุ้มค่า ทั้งในเรื่องราคาและคุณภาพ รวมถึงความคุ้มค่าในเรื่องของการดูแลรักษารถยนต์ที่ดูแลได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันทุกวัตถุประสงค์ ส่งผลให้อีโคคาร์รุ่นนี้ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ในปี 2565 CELERIO จะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีส่วนช่วยในการผลักดันยอดขายรถยนต์ซูซูกิให้ไปถึง 30,000 คัน ตามเป้าหมายที่วางไว้