บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จของยนตรกรรมในไลน์อัปเอสยูวี ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ และ ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ เจเนอเรชันที่ 2 ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากการทดสอบการชนของ ASEAN NCAP ครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นการทดสอบเพื่อวัดสมรรถนะด้านความปลอดภัยของยานยนต์รุ่นใหม่ที่วางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (New Car Assessment Program for Southeast Asia) โดยมีหลักเกณฑ์การประเมินที่ประกอบด้วยการทดสอบการชนจากด้านหน้า การชนจากด้านข้าง และการประเมินเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้า ในการสร้างสรรค์และนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่พร้อมมอบความมั่นใจและความสุขสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนในทุกเส้นทาง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการสร้างสังคมการขับขี่ปลอดอุบัติเหตุ ตามเป้าหมายฮอนด้าปี 2050 ควบคู่ไปกับสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า
ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ด้วยคะแนนรวม 81.38เต็ม 100 คะแนน โดยได้รับคะแนนในแต่ละด้าน ทั้ง 4 ด้าน จากคะแนนเต็ม 120 คะแนน ประกอบด้วย การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection: AOP) 28/32 คะแนน การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection: COP) 45.43/51 คะแนน เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety Assist Technologies: SATs) 19.50/21 คะแนน และความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (Motorcyclist Safety: MS) 8/16 คะแนน ทั้งนี้ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ เปิดตัวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าใน 9 ประเทศในภูมิภาค ด้วยยอดขายกว่า 25,000 คัน (พฤศจิกายน 2564 – 31 กรกฎาคม 2565) นอกจากนี้ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ยังสามารถคงมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เจเนอเรชันที่ 1 ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวเมื่อปี พ.ศ. 2558
ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ เจเนอเรชันที่ 2 ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ด้วยคะแนนรวม 77.02 เต็ม 100 คะแนน โดยได้รับคะแนนในแต่ละด้าน ทั้ง 4 ด้าน จากคะแนนเต็ม 120 คะแนน ประกอบด้วย การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection: AOP) 26.98/32 คะแนน การปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection: COP) 44.53/51 คะแนน เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย (Safety Assist Technologies: SATs) 16.50/21 คะแนน และความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (Motorcyclist Safety: MS) 8.10/16 คะแนน โดยสามารถคงมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ฮอนด้า บีอาร์-วี เจเนอเรชันที่ 1 ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวเมื่อปี พ.ศ. 2558โดย ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ และฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง* (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าในการตรวจจับสภาพแวดล้อมบนท้องถนน โดยตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ ประกอบด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลัก* ได้แก่
· ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
· ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ* (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
· ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
· ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
· ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
· ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย* (แตกต่างกันในแต่ละรุ่นและรุ่นย่อย) อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นเครื่องยืนยันถึงการสร้างสรรค์และนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพที่เปี่ยมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของฮอนด้า อีกทั้งเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบยนตรกรรมที่มอบความปลอดภัยควบคู่ไปกับความมั่นใจในทุกการเดินทาง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการสร้างสังคมการขับขี่ปลอดอุบัติเหตุให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ทั้งการใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั่วโลกภายในปี 2050