“ออกานิก้า” ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท เปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรก “ออกานิก้า เฮ้าส์” ต่อยอด ธุรกิจผลิตภัณฑ์สปาออร์แกนิกสัญชาติไทยครบวงจร สร้างประสบการณ์เหนือระดับด้วยบริการสปาและร้านอาหารสุดลักซ์ชัวรี่ พร้อมบุกตลาดโรงแรมหรู และศูนย์การค้าไฮเอนด์ ตั้งเป้าปีหน้าขยายสู่ตลาดโลก
หลังเปิดตลาดผลิตภัณฑ์สปาระดับลักซ์ชัวรี่มาได้ 2 ปีเต็ม ออกานิก้า (Organika) เเบรนด์ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเธอราพีออร์กานิกแท้สัญชาติไทย ที่โดดเด่นด้วยการคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลกมารังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ผู้รักธรรมชาติและใส่ใจดูแลตัวเอง จนกลายเป็นแบรนด์ในดวงใจของทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของธุรกิจ ออกานิก้าจึงทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ต่อยอดธุรกิจผลิตภัณฑ์สปาอย่างครบวงจรด้วยการเปิดตัวออกานิก้า เฮ้าส์ (Organika House) แฟล็กชิปสโตร์สุดหรูใจกลางเมือง พร้อมจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ศรีริต้า เจนเซ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออกานิก้า เฮ้าส์ จำกัด ผู้ก่อตั้งและบริหารออกานิก้า เผยว่า จากการตื่นตัวของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจสปาในประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง ซึ่งจากตัวเลขของสมาคมสปาไทย ระบุว่าอุตสาหกรรมสปาไทยในปี 2558 มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 32,400 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2559 จะสูงถึง 47,400 ล้านบาท หรือเพิ่มกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15% ซึ่งเป็นผลมาจากสปาไทยยังคงเป็นผู้นำในตลาดโลก ที่ต่างชาติให้ความนิยมและ เดินทางเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แบ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเอเชียราว 60-70% และประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะยุโรปกว่า 30-40 %
ออกานิก้าในฐานะที่เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเธอราพีชั้นนำระดับพรีเมียม จึงได้เปิดตัว Organika House สปาระดับพรีเมียมและแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกของแบรนด์ พร้อมร้านอาหารสุดลักซ์ชัวรีขึ้นกลางย่านธุรกิจ ในโครงการพิมาน 49 (สุขุมวิท 49) โดยเนรมิตพื้นที่ 80 ตร.ม. สำหรับสปาและอีก 80 ตร.ม. เป็นร้านอาหาร เพื่อเปิดประสบการณ์หรูเหนือระดับให้กับธุรกิจสปาไทย และปูพรมรุกสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสปาอย่างเต็มตัว
ผลิตภัณฑ์สปาและอโรมาเธอราพีของไทยนั้นเป็นที่ยอมรับในตลาดสากลอยู่แล้ว ทั้งเรื่องกลิ่น วัตถุดิบ กรรมวิธีการผลิต และคุณภาพ จนเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมติดอันดับที่ 17 ของโลก ประกอบกับ เทรนด์ความนิยมของโลกหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพและความงามจากธรรมชาติมากขึ้น เราจึงตัดสินใจเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรก พร้อมกับสปาและร้านอาหารที่เน้นการให้บริการแบบลักซ์ชัวรี่ทุกขั้นตอน โดยมีคอนเซ็ปต์เป็น กลาสเฮ้าส์ (Glass House) ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเยือน นอกจากนี้ยังเลือกทำเลในซอยสุขุมวิท 49 ซึ่งเป็นย่านที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูงกอปรกับมีชาวต่างชาติพักอาศัยจำนวนมาก จึงคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับค่อนข้างดีจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นช่วงวัยทำงาน อายุระหว่าง 22-25 ปี และตั้งเป้าคืนทุนภายใน 3-5 ปี
ในส่วนของสปา ด้วยความเชื่อมั่นในศาสตร์แห่งกลิ่นบำบัด ออกานิก้าจึงตั้งใจจะมอบการปรนนิบัติที่ประณีตเหนือระดับ ให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง ภายใต้คอนเซ็ปต์หลักจาก 5 กลิ่นเอกลักษณ์ ทั้งกลิ่น Into the wood ที่ให้ความสงบและความรู้สึกอบอุ่น กลิ่น Secret Rose Garden ทั้งหอมหวานและน่าหลงใหล กลิ่น Ocean of Dreams ช่วยสร้างความสดชื่นให้รู้สึกร่าเริงดั่งเกลียวคลื่น กลิ่น Memoirs of Sunrise ปลุกอารมณ์ให้สดใสเบิกบาน และกลิ่น Kisses of Jasmine ให้ความรู้สึกละมุนละไม อ่อนหวานและบอบบาง ส่วนร้านอาหาร นอกจากจะให้บริการอาหารเช้าและกลางวันแล้ว ในอนาคตอันใกล้นี้เรายังจะเพิ่มดินเนอร์แบบ Chef Table เข้าไปด้วย โดยมีเชฟชาวสิงคโปร์ซึ่งผ่านการทำงานกับร้านอาหารระดับมิชชลินสตาร์มาเป็นที่ปรึกษา เน้นอาหารซีฟู้ดออร์แกนิก โดยจะเริ่มเดือนตุลาคมนี้” คุณศรีริต้าบอกเล่าถึงโปรเจ็คต์ล่าสุดของออกานิก้า
เช่นเดียวกับตัวผลิตภัณฑ์ ทุกส่วนของ Organika House สร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน โดยได้รับเเรงบันดาลใจมาจาก Wilhelma Botanical Garden ปราสาทเก่าเเก่สมัยศตวรรษที่19 ในเมืองสตุตการ์ต ประเทศเยอรมันนี ซึ่งในอดีตเป็นเรือนกระจกเก็บพันธุ์ไม้นานาชนิดตั้งเเต่ยุคโรแมนติก รูปแบบสถาปัตยกรรมของ Organika House จึงสะท้อนออกมาเป็นความอ่อนช้อยงดงาม ผสานกับความเรียบหรู และสดชื่นจากต้นไม้เขียวสดในคราวเดียวกัน จนเกิดเป็นเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัว
ไม่เพียงแค่นั้น ออกานิก้ายังตั้งเป้าขยายสาขาช็อปให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น นอกจากที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอนแล้ว ในเดือนตุลาคมนี้ยังจะขยายสาขาไปที่ชั้น G ดิ เอ็มควอเทียร์ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเป็น 10 สาขาได้ภายในปีหน้า รวมไปถึงรุกเข้าสู่โรงแรมลักซ์ชัวรี่มากขึ้น ผ่านโปรดักส์ไลน์ทั้ง 3 ประเภทหลักคือ ผลิตภัณฑ์สปา ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศ (Ambience) เช่น เทียนหอม เครื่องหอม รูมสเปรย์ และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) เช่น สบู่ โลชั่น แชมพู ครีมนวด แฮนด์ครีม บอดี้สครับ หิมาลายันบาทซอลท์ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ชา (Afternoon High Tea) ด้วย โดยทุกผลิตภัณฑ์เน้นวัตถุดิบชั้นเลิศจากธรรมชาติเป็นหลัก
ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของออกานิก้าเรารังสรรค์ขึ้นมาอย่างดีที่สุด เพื่อให้คุณภาพและมาตรฐานอยู่ในระดับสากล โดยมีมากกว่า 8 ไลน์ผลิตภัณฑ์กว่า 200 ไอเท็ม ยกตัวอย่างเช่น แอลกอฮอล์ในรูมสเปรย์ เราเลือกใช้แอลกอฮอล์ที่สกัดจากอ้อยซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ธรรมชาติ หรือออร์แกนิค ลิป สครับ ซึ่งเราเป็นแบรนด์แรกของไทยที่ผลิตตัวนี้ออกมา ก็ใช้ Organic Brown Sugar Scrub ที่อ่อนโยนต่อผิวบอบบาง จนได้รับรางวัล The Winner Best Eco-Friendly จาก Marie Claire Best Beauty 2015 หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์เทียนสปาซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ โปรดักส์ ก็ผลิตจากถั่วเหลือง 100% กลิ่นควันจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งยังสามารถนำน้ำมันเทียนมาใช้เป็นน้ำมันบำรุงผิวเพื่อนวดผ่อนคลายได้อีกด้วย ดังนั้นจึงเชื่อมั่นได้ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของออกานิก้าจะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณอย่างแน่นอน
สำหรับด้านการตลาด ตลอดปีนี้ออกานิก้าวางแผนจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำแบรนด์และสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่จดจำ เช่น การร่วมกับที่พักระดับไฮเอนด์อย่างศรีพันวาภูเก็ตเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และนำเสนอซิกเนเจอร์โปรดักส์ให้กับเหล่าเซเลบริตี้ หรือแม้แต่การจัดดินเนอร์มื้อหรูมอบความรู้สึกพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญ ฯลฯ ซึ่งแม้ในระยะแรกจะเน้นหนักในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งภายในประเทศก่อน แต่ออกานิก้าก็วางแผนสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกควบคู่ไปด้วย โดยตั้งเป้าบุกตลาดโลกภายในเวลาไม่เกิน 3 ปี ในกลุ่มประเทศที่สปาไทยได้รับความไว้วางใจและมีกำลังซื้อ อย่างประเทศในแถบเอเชีย รวมไปถึงยุโรป เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส และอเมริกา เป็นต้น รวมถึงยังคงให้ความสำคัญกับการจำหน่ายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (www.organikahouse.com), เฟซบุ๊ค (www.facebook.com/organikahouse) และ อินสตาแกรม (organikahouse) เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสาร อำนวยความสะดวก และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่ให้มากยิ่งขึ้น
ตอนนี้กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเรามีอยู่ค่อนข้างเยอะมาก ทั้งสิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี จีน ดูไบ รวมไปถึงอินเดีย นอกจากนี้ยังมีหลายประเทศสนใจติดต่อเข้ามาในเชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าแห่งการทำเครื่องหอมเองก็ตาม ซึ่งเราได้ศึกษาช่องทาง ตลอดจนเข้าไปพูดคุยกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแล้ว และยังมีการทำโรดโชว์ในแต่ละประเทศด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าในปีหน้า เราจะมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว
ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสปาและความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน มีมูลค่ายอดขายกว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดความงามในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตถึง 20 พันล้านบาทภายในปี ค.ศ. 2017 อุตสาหกรรมสปาและสุขภาพทั่วโลกจึงมีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ และยังมีช่องว่างในตลาดธุรกิจค่อนข้างสูง ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่พิเศษและดีที่สุด ออกานิก้าจึงไม่เพียงมุ่งหวังที่จะเติบโตไปในระยะยาวอย่างยั่งยืน แต่ยังตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นอโรมาเธอราพีสปาบำบัดสัญชาติไทยที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และสร้างความภาคภูมิใจให้กับธุรกิจสปาไทยในอนาคต