เอ.พี. ฮอนด้า เปิดตัวรถรุ่นใหม่ All New Honda CBR1000RR และ All New Honda CBR1000RR SP ที่ครั้งนี้ได้เปลี่ยนโฉมใหม่ภายใต้แนวคิด “Total Control’” โดดเด่นทั้งในด้านขุมพลังของเครื่องยนต์ที่ถ่ายทอดจากสนามแข่งและที่สุดแห่งการควบคุม เสริมด้วยเทคโนโลยีการขับขี่กับชุดอุปกรณ์ควบคุม อิเล็กทรอนิคที่จะช่วยเพิ่มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น และยังเป็นรถที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในรถคลาสเดียวกัน พร้อมดึง นิกกี้ เฮเด้น สุดยอดนักบิดชาวอเมริกันเจ้าของดีกรีแชมป์โลกโมโต จีพี ปี 2006 และสเตฟาน แบรดเดิล แชมป์โลกโมโตทู ปี 2011 สังกัดทีม Red Bull Honda World Superbike มาร่วมเปิดตัวสุดยอดยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ตให้คนไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก และพร้อมให้จับจองเป็นเจ้าของได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38
สุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ความนิยมรถบิ๊กไบค์ในเมืองไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเภทรถสปอร์ตที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับกลุ่ม รถประเภทอื่น ซึ่งแน่นอนกลุ่มประเภทรถสปอร์ตของฮอนด้าก็ต้องเป็นรถในตระกูล CBR ที่มีชื่อเสียงในด้านสมรรถนะและการควบคุมรถ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ CBR1000RR ที่มีจุดกำเนิดตั้งแต่ปี 1992 และมีแนวคิดการพัฒนาคือ การนำเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง และ การควบคุมการขับขี่ที่ง่าย เข้ามาไว้ด้วยกัน ซึ่งฮอนด้าได้ยึดถือแนวคิดการออกแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน
All New Honda CBR1000RR ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาด 1000ซีซี. ที่ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาด้วยอัตราส่วนกำลังอัดที่ 13.0 และสามารถทำกำลังสูงสุดได้ 141 กิโลวัตต์ที่ 13,000 รอบต่อนาที เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น TBW & APS เทคโนโลยีคันเร่งไฟฟ้า (Throttle by Wire) ที่ทำงานประสานกับเซ็นเซอร์ APS ที่ฝังอยู่ใน Handlebar grip เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ตอบสนองกับแรงบิดของผู้ขับขี่ได้อย่างดีที่สุด, Power Selector ระบบการตั้งค่าการขับขี่ โดยผู้ขับขี่เลือกตั้งค่ากำลังจากเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับแรงบิดของคันเร่ง, HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบควบคุมแรงบิดแบบเลือกได้ของฮอนด้า เพื่อตรวจจับความเร็วล้อด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยให้การควบคุมรถได้อย่างราบรื่น และ Engine Brake Control ซึ่งสามารถปรับเลือกได้ตามโหมดขับขี่ที่ที่ตั้งไว้เป็นค่ามาตรฐานหรือผู้ใช้สามารถตั้งค่าเองได้ตามต้องการ สะท้อนภาพลักษณ์รถสปอร์ตได้อย่างลงตัวด้วยชุดไฟหน้า ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแบบ LED และ ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ที่ทำจากไทเทเนียมทำให้มีน้ำหนักเบาแต่ยังคงความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ CBR1000RR มีสองสีให้เลือกด้วยกัน ได้แก่ สีแดง (Victory Red) และ สีดำ (Mat Ballistic Black Metallic) All New CBR1000RR SP พร้อมกับชุดสีดีไซน์ใหม่แบบ Tri-color (Victory Red) โดยถังน้ำมันได้ถูกทำขึ้นจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างไทเทเนียม ทำให้รถรุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นปัจจุบันถึง 17 กิโลกรัม และยังอัดแน่นด้วยสุดยอดเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Quick shifter ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องบีบคลัทช์ ระบบโช๊ค Ohlins ทั้งหน้า-หลัง ที่สามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้า และระบบเบรคคู่หน้าเป็นคาลิปเปอร์เบรค Monoblock 4 POT จาก Brembo เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเพิ่มการควบคุมรถสำหรับการ ขับขี่ในสนามแข่งได้สนุกยิ่งขึ้น