ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการที่ออกมาถือว่าดีเยี่ยม ภายใต้สภาวะที่ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณความต้องการของผู้บริโภคมีจำนวนลดลง ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนี้ เป็นผลมาจากการมีวินัยในการปฏิบัติงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ขณะที่การปรับขึ้นราคาต้นทุนวัตถุดิบเริ่มแผ่วลงในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็คาดว่าจะยังคงต้องเตรียมรับมือกับแรงต้านในปี 2560 ต่อไป ซึ่งเรายังเชื่อมั่นในศักยภาพว่าจะสามารถชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นในระหว่างปีได้
ยอดขายในไตรมาส 1 ปี 2560 ของกู๊ดเยียร์ คิดเป็นมูลค่า 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา มีปัจจัยหลักจากการปรับส่วนผสมด้านราคาและการกำหนดราคาที่สูงขึ้นของยอดขายเคมีภัณฑ์ที่ชดเชยยอดขายรวมบางส่วนกับปริมาณการจำหน่ายยางที่ลดลง ทั้งนี้ ปริมาณยอดขายยางรวมทั้งสิ้น 40 ล้านเส้น ลดลงร้อยละ 4 จากปี 2559 โดยยอดจำหน่ายยางรถยนต์ติดรถ (OE) ลดลงร้อยละ 8 เนื่องจากช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 การผลิตรถยนต์ในประเทศสหรัฐฯ ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ และประเทศจีนที่แข็งแกร่งมากในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 สำหรับยอดจำหน่ายยางรถยนต์ทดแทนลดลงร้อยละ 2
กำไรสุทธิของกู๊ดเยียร์ประจำไตรมาส 1 ปี 2560 คิดเป็นมูลค่า 166 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (65 เซ็นต์ต่อหุ้น) ลดลงจาก 184 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (68 เซ็นต์ต่อหุ้น) ในปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิที่ปรับแล้วในไตรมาส 1 ปี 2560 คิดเป็นมูลค่า 189 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (74 เซ็นต์ต่อหุ้น) เทียบกับปี 2559 ที่มีมูลค่า 195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (72 เซ็นต์ต่อหุ้น) ทั้งนี้จำนวนเงินต่อหุ้นจึงปรับลดลง
กู๊ดเยียร์ เผยรายได้จากการดำเนินงานธุรกิจยางในไตรมาสแรกของปี 2560 มูลค่า 385 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจาก 419 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยปริมาณยอดจำหน่ายยางรถยนต์ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ยังค้างอยู่ ซึ่งได้การปรับส่วนผสมด้านราคาที่ดีขึ้น เข้ามาช่วยชดเชยต้นทุนวัตถุดิบสุทธิและการประหยัดต้นทุนสุทธิในด้านต่าง ๆ