ปอร์เช่เสริมทัพขุมพลังขับเคลื่อนไฮบริด ต่อยอดสมรรถนะเหนือระดับให้ยนตรกรรม SUV สุดหรู ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด ผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต ให้เป็นหนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร (340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์) เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร พร้อมนำพายนตรกรรมสปอร์ต SUV พุ่งทะยานอย่างไร้ขีดจำกัด ทันทีที่เหยียบคันเร่ง; ด้วยศักยภาพของขุมพลังที่สืบทอดแนวทางการออกแบบจากรถซูเปอร์สปอร์ตอย่าง ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์
คาเยนน์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด สามารถเร่งออกตัวจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 5.0 วินาทีเท่านั้น เร้าใจยิ่งกว่าด้วยความเร็วสูงสุดถึง 253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ใหม่ สามารถเดินทางได้ 44 กิโลเมตร และทำความเร็วได้ถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเมื่อวัดตาม มาตรฐาน New European Drive Cycle (NEDC) โดยขึ้นอยู่กับขนาดของยางรถยนต์ที่ติดตั้งอยู่ที่ 29.4 - 31.2 กิโลเมตร ต่อลิตร หรือ 3.4 – 3.2 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.9 – 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร นอกจากการเปิดตัว คาเยนน์ อี-ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ปอร์เช่ยังได้เพิ่มเติม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบช่วยเหลือการขับขี่หลากหลายรายการให้แก่คาเยนน์ (Cayenne) ทุกรุ่น อาทิ หน้าจอ แสดงข้อมูล head-up display แบบใหม่ เบาะนวดไฟฟ้า และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 22 นิ้ว
พละกำลังสูงสุดกว่า 462 แรงม้า ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ คาเยนน์ อี-ไฮบริด คือหนึ่งในผลงานอันเป็นตัวแทนที่แสดงออกถึงทิศทางการพัฒนายานพาหนะ พลังงานไฟฟ้าในอนาคตของปอร์เช่ ประจำการด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในสมรรถนะสูง ซึ่งผ่านการปรับแต่งจนมีกำลัง สูงสุดเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 7 แรงม้า (5 กิโลวัตต์) รวมเป็น 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) ประสิทธิภาพจากระบบขับเคลื่อน พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 43 เปอร์เซ็นต์ หรือ 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) ทั้ง 2 ขุมพลังผสานพละกำลังสูงสุดกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แนวทางในการออกแบบระบบเสริมสมรรถนะที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากรถซูเปอร์สปอร์ต ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ ถูกนำมาใช้อย่างเหมาะสมลงตัว เพื่อให้มั่นใจว่ามอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงาน ได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่ออยู่ภายใต้โปรแกรมการขับขี่ทุกรูปแบบของชุดแต่งสปอร์ตโครโน ซึ่งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นั่นหมายความว่าแรงบิดสูงสุดจะพร้อมตอบสนองต่อการบังคับควบคุมทุกครั้งที่สัมผัสคัน เร่ง ผู้ขับขี่สามารถสนุกสนานกับอัตราเร่งและแรงบิดมหาศาลในทุกรอบความเร็ว พร้อมรับมือกับสถานการณ์บนท้องถนน ที่ต้องเผชิญด้วยความมั่นใจ ทั้งหมดข้างต้นนำมาซึ่งเสถียรภาพการทรงตัวและประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยมกำลังสำรอง ที่ล้นเหลือจากมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกเก็บสะสมเอาไว้ผ่านการชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างการเดินทางโดยขึ้นอยู่กับโปรแกรมการขับขี่ที่เลือกใช้งานขณะนั้น โหมด Sport และ Sport Plus เน้นการดึงสมรรถนะตัวรถออกมาจนถึงขีดสุด พลังงานจากแบตเตอรี่ทั้งหมดจะได้รับการนำมาใช้เพื่อสร้างอัตราเร่ง สำหรับโหมด Sport การชาร์จแบตเตอรี่จะเกิด ขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการเสริมพละกำลัง ในส่วนของโหมด Sport Plus แบตเตอรี่จะได้รับการชาร์จอย่างรวดเร็ว ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โหมดการขับขี่อื่นๆ นั้นเหมาะสมกับลักษณะการขับขี่ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมัน เชื้อเพลิงสูงสุด
ปอร์เช่ ออกแบบและสร้างสรรค์ระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลังของ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ใหม่ทั้งหมด ชุดขับเคลื่อนไฮบริด ประกอบด้วยเซลล์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงพร้อมชุดคลัทช์อิสระ electromechanical แตกต่างจากระบบ electro-hydraulic และอุปกรณ์ spindle actuator ในรุ่นก่อนหน้าให้อัตรา การตอบสนองที่รวดเร็วและฉับไวกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของระบบส่งกำลังประจำการด้วยเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 จังหวะ Tiptronic S ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่สำหรับปอร์เช่ คาเยนน์ โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ ชุดนี้ไม่เพียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวล แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนอัตราทดได้อย่างรวดเร็ว ลดอาการกระตุกที่เกิดขึ้น ขณะเปลี่ยนจังหวะ หนึบแน่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive พร้อมสมรรถนะการลากจูงสูงสุดกว่า 3.5 ตัน จัดเต็มอุปกรณ์พิเศษ: หน้าจอแสดงผล head-up display และล้ออัลลอยน้ำหนักเบา ขนาด 22 นิ้ว ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด ใหม่ มีกำหนดเปิดตัวในภูมิภาคยุโรปประมาณ ปลายเดือนพฤษภาคม 2018