“มิกิโมโต้” เผยโฉมคอลเลคชั่นล้ำค่าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Praise to Nature”
“ไข่มุก” ถือเป็นราชาแห่งอัญมณีที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ไว้อย่างน่ามหัศจรรย์ เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน นุ่มนวล และสง่างามเหนือกาลเวลา ซึ่งเชื่อกันว่าไข่มุกจะนำมาซึ่งความรักความสุขและความสำเร็จมาสู่ผู้สวมใส่ เครื่องประดับไข่มุกจึงถือเป็นเครื่องประดับล้ำค่าของผู้หญิงมาทุกยุคทุกสมัย โดยแบรนด์ไข่มุกที่มีชื่อเสียงระดับโลกและได้รับความไว้วางใจจากผู้หญิงทั่วโลกมากว่าศตวรรษ คือ “มิกิโมโต้” แบรนด์ไข่มุกอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น
“มิกิโมโต้” คือคุณค่าแห่งความบริสุทธิ์ที่มอบให้หญิงสาวในทุกโอกาส ซึ่งมิกิโมโต้ได้บรรจงคัดเลือกไข่มุกเม็ดงามที่มีความกลมเกลี้ยง และเงางามที่สุด โดยคัดไข่มุก 1% แรกที่ดีที่สุด หรือเรียกได้ว่าเป็นไข่มุกเพียงหนึ่งในร้อยของไข่มุกทั้งหมดมารวมไว้ด้วยกัน เพื่อประกอบเป็นเครื่องประดับที่เรียกได้ว่า “สวยงามที่สุด” และครั้งนี้ มิกิโมโต้ พร้อมแล้วที่จะเผยโฉมผลงานคอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Praise to Nature” เพื่อให้เพิร์ลเลิฟเวอร์ชาวไทยได้ชื่นชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิด ณ มิกิโมโต้ บูติค ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ผลงานจากฝีมืออันประณีตซึ่งไม่มีที่ใดเสมอเหมือนของมิกิโมโต้ ถูกรังสรรค์ขึ้นในต้นศตวรรษที่ 19 ปรัชญาการออกแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์ความโดดเด่นและสไตล์ของมิกิโมโต้ ได้รวมเอาเทคนิคงานช่างทองตามประเพณีดั้งเดิมของญี่ปุ่น ผสมผสานเข้ากับการดีไซน์เครื่องประดับแบบยุโรปไว้อย่างลงตัว และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มิกิโมโต้ได้สานต่อวิวัฒนาการในทุกมิติมากว่าศตวรรษ โดยครั้งนี้มิกิโมโต้ได้นำเสนอผลงานชิ้นเอกที่รังสรรค์ได้อย่างวิจิตรบรรจง ผ่านแรงบันดาลใจจากความงดงามของธรรมชาติ สำหรับคอลเลคชั่น Praise to Nature เคยเผยโฉมไปเมื่อปี 2017 ในโอกาสเฉลิมฉลองการเปิดตัวอีกครั้งของร้านที่กินซ่า 4 โชเมะ โดยต้องการให้ผู้คนและธรรมชาติอยู่ด้วยกันอย่างกลมเกลียว แรงบันดาลใจของเขามาจากความรักในไข่มุกธรรมชาติ งานฝีมือสร้างสรรค์เครื่องประดับชั้นเลิศ คือการแสดงถึงช่วงเวลาของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อคงไว้ซึ่งคอนเซ็ปต์ของธรรมชาติ ในขณะที่ โยโกะ ทากาโนะ หนึ่งในดีไซเนอร์ผู้ออกแบบคอลเลคชั่นนี้ถ่ายทอดผลงานที่แสดงออกถึงความกตัญญูและความชื่นชมต่อธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการเริ่มต้นของการเดินทางก้าวต่อไปของมิกิโมโต้ ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกมุกเพาะเลี้ยงมากว่า 126 ปี ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ยังคงสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
นอกเหนือไปกว่านั้น การออกแบบสร้อยคอในคอลเลคชั่น Praise to Nature นี้ ดีไซเนอร์ยังได้แรงบันดาลใจจากสีที่สวยงามของพาเรบา ทูร์มาลีน ซึ่งส่องประกายระยิบระยับกว่าอัญมณีชนิดไหน โดยดีไซเนอร์ต้องการสร้างเครื่องประดับที่ซึมซับเอาพลังงานของผีเสื้อที่ชุมนุมกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม และโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอันสดใส ซึ่งไข่มุกสีทองเปรียบเสมือนประกายเจิดจ้าของแสงแดดบนผิวน้ำทะเล ไข่มุกสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของแสงจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนผืนมหาสมุทรสีดำมืด ความไหลลื่นของสีไข่มุก และอัญมณี สะท้อนถึงความสงบนิ่งของท้องทะเล โดยคอลเลคชั่นนี้ประกอบด้วย สร้อยคอ ที่ร้อยเรียงความงามของไข่มุกเซาธ์ซีส์สีขาวและไข่มุกอะโกย่า ประดับอัญมณีล้ำค่า อาทิ แซฟไฟร์ การ์เนต อเล็กซานไดรท์ และเพชร ตัวเรือนทำจากทองคำขาว 18K รวมมูลค่า 70,000,000 เยน หรือประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนต่างหู โดดเด่นด้วยไข่มุกเซาธ์ซีส์สีขาว ประดับด้วยแซฟไฟร์ การ์เนต อเล็กซานไดรท์ และเพชร ตัวเรือนทำจากทองคำขาว 18K มูลค่า 10,000,000 เยน หรือประมาณ 3 ล้านบาท
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีคอลเลคชั่น Jeux de Rubans ที่ได้แรงบันดาลใจจากริบบิ้น สัญลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลา และเป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งโลก นำมาแสดงออกถึงความหรูหราและแปลกใหม่ที่จะช่วยจุดประกายในหัวใจและเพิ่มความงดงาม ความสุข ความสวยงามของโอกาสและความเชื่อมั่นให้กับผู้หญิงทุกคน โดยคอลเลคชั่นนี้ประกอบด้วย สร้อยคอ ที่ร้อยเรียงด้วยไข่มุกเซาธ์ซีส์สีขาว และไข่มุกอะโกย่า ประดับด้วยแซฟไฟร์ และเพชร ตัวเรือนทำจากทองคำขาว 18K รวมถึงต่างหู แหวน และกำไลข้อมือ ที่แสดงออกถึงความประณีตพิถีพิถันจากช่างฝีมือชั้นสูง นอกเหนือจาก 2 คอลเลคชั่นนี้ ยังมีผลงานมาสเตอร์พีซอีกจำนวนมากที่นำราชาแห่งท้องทะเลมาผสานกับอัญมณีอื่นๆ ออกแบบเป็นเครื่องประดับอันล้ำค่า
ร่วมชื่นชมและสัมผัสความงดงามอันล้ำค่าจาก “ไข่มุก” ราชาแห่งท้องทะเลที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงเหนือกาลเวลากับคอลเลคชั่น Praise to Nature และสุนทรีย์ไปกับผลงานมาสเตอร์พีซ ได้ที่ มิกิโมโต้ บูติค ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน
