บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ อย่าง Mercedes-Benz C 300 e ยนตรกรรมซาลูนสุดหรูอัจฉริยะรุ่นประกอบในประเทศ สร้างมาตรฐานครั้งใหม่ให้กับรถยนต์ในเซ็กเมนต์นี้ ที่ผสมผสานขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างครบครัน โดยนำเสนอในสองรุ่นย่อย ได้แก่ The C 300 e AMG Dynamic ราคา 3,215,000 บาท และ The C 300 e Avantgarde ราคา 2,699,000 บาท
โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท เดมเลอร์ เอจี ได้ตั้งเป้าว่า ภายในปีพ.ศ. 2573 ยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มากกว่าครึ่งหนึ่งจะมาจากกลุ่มรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และในปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงเดินหน้าสานต่อแนวคิดเกี่ยวกับการเดินทางแห่งอนาคต และการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำอันดับหนึ่งด้านยนตรกรรมไฟฟ้าที่นำเสนอรุ่นรถยนต์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการมุ่งนำเสนอยนตกรรมที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ และความหรูหราตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ควบคู่ไปกับการผลิต ยนตกรรมที่สามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์นำเสนอเทคโนโลยีภายใต้แบรนด์ EQ ทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) EQ เทคโนโลยีในรถยนต์ Battery Electric Vehicles 2) EQ Power ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ เทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต กลุ่มเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และรถยนต์สมรรถนะสูง 3) EQ Boost เทคโนโลยี 48 โวลต์ที่ช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนให้กับรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีบริษัทฯ ได้เปิดตัว Mercedes-Benz S 560 e รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นเรือธงระดับพรีเมี่ยมที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งผู้นำภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ 2019 และล่าสุดเพื่อเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ EQ บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3 อย่าง “Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ” ยนตรกรรมซาลูนหรูอัจฉริยะที่ผสมผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของรถยนต์ในตระกูล C-Class และเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไว้ได้ลงตัว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบสมรรถนะอันทรงพลัง และยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ คือ รถยนต์ ปลั๊กอินไฮบริด เจนเนอเรชั่นที่ 3 โดดเด่นในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดผสานกับพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าถึง 30% และช่วยให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดเพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์การออกแบบอันหรูหรา ปราดเปรียวในสไตล์ของรถยนต์ตระกูล C-Class และผสานด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเทียบเท่ารถยนต์ตระกูล S-Class อีกด้วย อีกทั้งยังมาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเทคโนโลยีนี้มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการและฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำเสนอรถยนต์รุ่น Mercedes-Benz C 300 e ทั้งหมด 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ C 300 e Avantgarde และ C 300 e AMG Dynamic