มิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย สิ่งที่ ‘ซูซูกิ’ ยึดมั่นมาโดยตลอด คือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และการพัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ในการดูแลและเข้าถึงลูกค้าทุกท่านด้วยความจริงใจ และใส่ใจที่จะมอบบริการที่ดีที่สุด โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการบริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินควบคู่ไปกับการพัฒนาโชว์รูมและศูนย์บริการของผู้จำหน่ายซูซูกิทุกราย ให้มีความแข็งแกร่งด้านงานบริการทั้งก่อนและหลังการขายอย่างมีคุณภาพ
ในปีนี้ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จึงยังตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อการพัฒนางานบริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อแสดงพลังและความพร้อมที่จะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดให้สูงที่สุด และสร้างความเจริญเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆกัน สอดคล้องกับกลยุทธในการทำการตลาดและการขายในปีนี้ คือ Change… Challenge… Chance... 3C – Key to Success ด้วยการจัดกิจกรรม ‘Dealer of the year 2018/2019’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งในปีนี้จัดการแข่งขันในหัวข้อ “การจัดการข้อร้องเรียนจากลูกค้าในส่วนของงานขาย งานบริการหลังการขาย หรือส่วนอะไหล่” เพื่อคัดเลือกผู้จำหน่ายที่มีคะแนนสูงสุด 10 แห่ง พร้อมมอบถ้วยรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมให้ถือครองเป็นเวลา 1 ปี โดยพิจารณาจากผลการดำเนินการงาน ทั้งด้านงานขายและงานบริการที่ได้ตามมาตรฐานของบริษัทที่กำหนดไว้เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อลูกค้าซูซูกิในประเทศไทย วัตถุประสงค์สำคัญ คือ ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานในทุกด้านของผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ กระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงพัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจของผู้จำหน่ายในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นผ่านการตอบแทนลูกค้าด้วยความจริงใจในฐานะที่ลูกค้าทุกท่านเป็นผู้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมภาพลักษณ์ของซูซูกิเป็นอย่างดีเสมอมา โดยผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2561/2562 ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวดจาก ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต มีด้วยกันทั้งหมด 10 ราย แบ่งออกเป็นรางวัล Best of the Best dealer 2018/2019 จำนวน 1 รางวัล และรางวัล Platinum dealer 2018/2019 จำนวน 9 รางวัล ซึ่งรายชื่อผู้จำหน่ายที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ประกอบด้วย รางวัล Best of the Best Dealer 2018/2019 บริษัท อารีมิตร ออโต้เซลส์ จำกัด รางวัล Platinum Dealer 2018/2019 บริษัท ดี โฟร์ คาร์ซิตี้ จำกัด, บริษัท บ้านซูซูกิ ออโตโมบิล จำกัด (สำนักงานใหญ่), บริษัท คลัง ออโตโมบิลส์ จำกัด (สาขาบายพาส) , บริษัท ศรีไฮ่ทงออโตเซลส์ จำกัด, บริษัท เอ.เอ็น.เอ็น.ออโต้เซลส์(2016) จำกัด (สาขานราธิวาส) , บริษัท นวออโตโมบิล บางใหญ่ จำกัด, บริษัท 14 ออโต้เวิร์ค จำกัด, บริษัท ซูซูกิ มหาราชจันทบุรี จำกัด (สำนักงานใหญ่) , และ บริษัท ซูซูกิสุโขทัย ออโต้โมบิล จำกัด (สำนักงานใหญ่)
ทางด้าน วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรม ‘Dealer of the year 2018/2019’ นับเป็นการยืนยันและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าถึงคุณภาพในการบริการงานขายและดูแลเอาใจใส่ลูกค้าที่เป็นครอบครัวซูซูกิได้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนกับคู่คิดที่มีความน่าเชื่อถือ และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขให้กับชีวิตของลูกค้าทุกท่าน ทั้งนี้ ตามแผนกลยุทธ์เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากเรื่องของการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเป็น 130 ภายในปีนี้ ช่วงที่ผ่านมาซูซูกิยังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า และมั่นใจได้ว่า คุณได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเป็นลูกค้ารถยนต์ซูซูกิ
ล่าสุดทำการแนะนำ Suzuki Ciaz GL Plus ซีดาน อีโคคาร์ระดับพรีเมียม ออกสู่ตลาด โดยได้รับการปรับปรุงให้มีความสดใหม่ ชูความสปอร์ตเร้าใจและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในที่เหนือระดับมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่ายิ่งกว่าที่เคย New Suzuki Ciaz GL Plus โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกอัพเกรดขึ้นด้วยการตกแต่งสไตล์ สปอร์ตรอบคัน ซึ่งประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตข้าง, สเกิร์ตหลัง และสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 อัพเกรดอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ติดตั้งเครื่องเล่นวิทยุ CD MP3 จอระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ USB สามารถเชื่อมต่อเพลงผ่านบลูทูธได้สูงสุดพร้อมกัน 5 เครื่อง ลำโพง 4 ตำแหน่ง เสาอากาศแบบฝังกระจกหลัง พร้อมกล้องมองหลังช่วยยกระดับความมั่นใจขณะถอยรถ อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานยังคงไว้อย่างครบครัน วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 568,000 บาทเท่านั้น