ทดสอบ MG Extender กว้าง แกร่ง แรงดี

หลังจากที่เอ็มจี เปิดตัว MG EXTENDER อย่างยิ่งใหญ่ ตามมาด้วยยอดจองที่มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง มาวันนี้เอ็มจีได้จัดกิจกรรมเพื่อตอกย้ำความแรงต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรมทดลองขับบนเส้นทางทั่วไทย ซึ่งผู้เขียนได้ร่วมกิจกรรมโดยเป็นเส้นทางพิษณุโลก-ลำปาง-เชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร กับสภาพเส้นทางในเมือง นอกเมือง ลัดเลาะขึ้น-ลงเขา ผ่านโค้งหนักๆตลอดเส้นทาง รวมถึงยังได้ลองเส้นทางออฟโรด

 



ด้วยแนวคิด “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ซึ่ง พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวไว้ตอนเปิดตัวรถว่า ตลอดกว่า 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และแนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยเน้นกลุ่มรถยนต์นั่งเป็นหลัก ด้วยการชูจุดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์เอ็มจี ทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะของเครื่องยนต์ ระบบบังคับควบคุม ระบบความปลอดภัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย สำหรับการเปิดตัวรถกระบะ NEW MG EXTENDER ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายใหม่ เราตั้งเป้าให้ NEW MG EXTENDER เป็นรถที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าที่กำลังมองหารถสำหรับการใช้งานและใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยจะทำตลาดในกลุ่มรถกระบะแบบตอนครึ่ง หรือ Giant Cab และแบบ 2 ตอน หรือ Double Cab ซึ่งถูกพัฒนาให้มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ด้วยขนาดมิติตัวถังขนาดใหญ่จึงช่วยเพิ่มปริมาณการบรรทุกและภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย

 



กิจกรรมครั้งนี้ได้ทดลองขับ MG Extender รูปแบบการใช้งานจริง ผ่านสภาพเส้นทางในเมือง นอกเมือง ขึ้น-ลง ลัดเลาะภูเขา รวมถึงทดลองขับสภาพเส้นทางออฟโรด พูดถึงภายนอกกันก่อน มิติตัวถังหากเทียบกับปิกอัพในบ้านเราถือว่า MG Extender มีขนาดใหญ่สมชื่อกระบะพันธุ์ยักษ์ ด้วยมิติตัวถังรถ ยาว x กว้าง x สูง : 5,365 x 1,900 x 1,809 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,155 มิลลิเมตร ส่วนความยาวกระบะท้ายอยู่ที่ 1,900 มม. ถือว่ายาวที่สุดในระดับเดียวกันจึงช่วยเพิ่มการบรรทุกได้มากขึ้น ด้านหน้าโดดเด่นดูบึกบึนไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อม DaytimeRunning Lights มีบันไดข้าง และกล้องมองหลังพร้อมเซนเซอร์ขณะถอยติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่ในรุ่น Giant Cab แบบยกสูง

 



ผู้เขียนได้มีโอกาสทดลองนั่งในทุกตำแหน่งทั้งด้านหลัง , ด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร และตำแหน่งผู้ขับ ต้องบอกว่าความกว้างกินขาด ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย มีการเก็บเสียงดีเยี่ยมด้วยการออกแบบฉนวนกันเสียง 9 จุด โดยการออกแบบภายในสร้างความรู้สึกแข็งแกร่งสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก ใช้โทนสีเข้มและเพิ่มความเรียบหรูด้วยวัสดุให้สัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) พร้อมแผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต นอกจากนี้ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว กุญแจระบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Startและระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โดยในรุ่น Double Cab ยังมาพร้อมเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า เบาะหลังสามารถพับได้และมีช่องปรับอากาศแยกส่วนเพื่อผู้โดยสารด้านหลัง

 



MG Extender ในรุ่น Double Cab มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) มีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L พร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART NEW MG Extender มาพร้อมระบบปฏิบัติการ i–SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถเชื่อมต่อกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการหรือ SMART Command ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ที่สามารถสั่งการให้โทรออก เปิด-ปิดหรือควบคุมระบบปรับอากาศ หน้าต่างฝั่งคนขับ ตลอดจนวิทยุภายในรถ รวมทั้งค้นหาจุดสนใจ และสามารถตรวจผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลได้อีกด้วย และสามารถควบคุมระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถหรือเลือกสั่งการบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG Mobile Application การเชื่อมต่อ หรือ SMART Connect


 



เมื่อได้ทดลองลองขับ รับรู้ถึงขุมพลังดีเซลขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบแปรผัน ให้กำลังแรงม้า 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,400 รอบต่อนาที มีทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีดสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER ที่ให้การประหยัดน้ำมันและประหยัดค่าบำรุงรักษา ระบบขับเคลื่อนมีทั้ง 2H, 4H และ 4L ได้ทดลองขับความรู้สึกอัตราเร่งช่วงต้นอืด เนื่องจากตัวถังและน้ำหนักของรถมีความใหญ่โต แต่พอรถเคลื่อนตัวไปความแรงและพละกำลังมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนภายในห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี ด้านความคล่องตัวในการขับขี่ต้องใช้ความคุ้นเคยสักช่วงหนึ่งเพราะความกว้างใหญ่ทำให้ซอกแซกในเมืองไม่คล่องตัว แต่พอเริ่มมีความคุ้นเคยกับตัวรถก็ไม่ได้เป็นปัญหา ความแม่นยำของพวงมาลัยทำได้ดีเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ความนิ่มนวลและเงียบของตัวรถเหมือนว่านั่งอยู่ในรถเก๋งหรูๆคันหนึ่ง ในส่วนของระบบเบรกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเบรคต้องย้ำน้ำหนักเท้ามากหน่อยเพื่อให้จอดสนิท ภายในกว้างมากนั่งสบายมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบ แต่น่าจะเพิ่มช่องชาร์ตไฟที่ตำแหน่งบริเวณแอร์ด้านหลัง ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี European Tuning ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น ทำงานควบคู่กับช่วงล่างแบบ BRIT Dynamic ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ในความเร็วต่ำ และให้ความมั่นคงที่ความเร็วสูง

 



MG Extender มีทั้งหมด 9 รุ่นย่อย มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-high Strength Body ด้วยโครงสร้างที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel ในบริเวณเสา A ไปจนถึงเสา B และโครงสร้างโดยรวมใช้เหล็กแบบ High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูง ดิสก์เบรก 4 ล้อ และใช้ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป AdvancedSynchronized Protection System พร้อมระบบอีกเพียบ นอกจากนี้ยังมีระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติรวมถึงกล้องมองภาพ รอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลังและด้านหน้าและกล้องมองหลังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่

 



MG Extender มีให้เลือกทั้งแบบกระบะตอนครึ่ง (Giant Cab) และแบบ 4 ประตู (DoubleCab) ซึ่งมีทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ และแบบ 4 ล้อ ครอบคลุมทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 9 รุ่นย่อย ด้วยราคาเริ่มต้น 5.49 -1.029 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถทดลองขับได้ที่โชว์รูมทั่วประเทศ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้