การผสานวิสัยทัศน์เพื่อความยั่งยืนแห่งการเดินทางสำหรับอนาคตระหว่าง บริษัท Fisker Inc. (ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก : FSR) ("Fisker") ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโซลูชั่นด้านการเดินทางขั้นสูงและเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีความยั่งยืนระดับโลก และบริดจสโตน ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ ด้วยการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยและความยั่งยืนด้านการเดินทาง โดยได้ประกาศการเป็นพันธมิตรใหม่ร่วมกัน Fisker เลือกบริดจสโตนเป็นพันธมิตรด้านยางรถยนต์เพียงรายเดียวสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า SUV Fisker Ocean ที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอย
Fisker Ocean จะเปิดตัวระดับโลกในปี 2564 ในงานแสดงรถยนต์ที่เมืองลอสแอนเจลิส โดยจะเริ่มผลิตในวันที่ 17พฤศจิกายน 2565 ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลในหลายส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Fisker Ocean รวมถึงการตกแต่งภายในที่ปราศจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทั้งหมด ทั้งยังมีหลังคาที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้เลือกอีกด้วย Fisker Ocean จะใช้ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยบริดจสโตน รุ่น Potenza Sport สำหรับรถยนต์ที่จำหน่ายในยุโรปและเฉพาะรุ่นที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือ โดยผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษรุ่น Potenza Sport นี้จะช่วยมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยม เน้นไปที่การขับขี่ที่นุ่มสบายและความเสถียรของรถ นอกจากนี้ความต้านทานการหมุนของล้อต่ำ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ของรถ โดยจะใช้พลังงานน้อยลงสำหรับการขับเคลื่อนยางรถยนต์
ผลิตภัณฑ์ Bridgestone Potenza Sport นับเป็นยางรถยนต์รุ่นแรกที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นยางสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมียมของบริดจสโตนด้วยการนำเทคโนโลยี ENLITEN ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการและสร้างความยั่งยืนให้กับยางรถยนต์ โดยเฉลี่ยแล้วเทคโนโลยี ENLITEN จะช่วยลดความต้านทานการหมุนของล้อได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และลดน้ำหนักของล้อยางได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเท่ากับลดวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิตยางรถยนต์แต่ละเส้นลงได้สูงสุดถึง 2 กิโลกรัม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในแง่ของการใช้ทรัพยากรและการจัดการผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย การใช้เทคโนโลยี ENLITEN เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ยางรถยนต์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Ocean มีความต้านทานการหมุนของล้อต่ำ ขณะที่ดอกยางแบบสปอร์ตของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์รุ่น Potenza Sport จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพและมีความเสถียร
นอกจากนี้ บริดจสโตนยังส่งมอบผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับการขับขี่ทุกฤดูกาลด้วยรุ่น Alenza Sport โดยสำหรับ Fisker Ocean รุ่นที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือ ในผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์รุ่น Alenza Sport จะได้รับการพัฒนาขึ้นโดยใช้เนื้อยางรุ่นใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกบนถนนแห้ง การยึดเกาะบนถนนเปียก และปรับปรุงความต้านทานการหมุนของล้อ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ได้โลดแล่นไปกับสมรรถนะสูงสุดของ Fisker Ocean
ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์สำหรับ Fisker Ocean นี้ได้รับการออกแบบจากเทคโนโลยีการพัฒนายางรถยนต์แบบ Virtual Tyre ที่ล้ำสมัยของบริดจสโตน ช่วยให้คาดการณ์สมรรถนะยางรถยนต์ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องผลิตออกมาจริง และย่นระยะเวลาทดสอบการใช้ยางจริงตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีการพัฒนายางรถยนต์แบบ Virtual Tyre นี้ช่วยให้การพัฒนายางรถยนต์ยั่งยืนยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพ มีความถูกต้องแม่นยำ และยืดหยุ่นขึ้น โดยสามารถลดปริมาณการใช้วัตถุดิบและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ และช่วยย่นระยะเวลาการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสามารถเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในโครงการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของ Fisker Ocean ในการเป็นยานพาหนะที่มีความยั่งยืนที่สุดระดับโลก และยังช่วยส่งเสริมระยะเวลาการพัฒนาโครงการดังกล่าวให้เร็วขึ้นด้วย
ในการแสวงหายางรถยนต์ที่เหมาะสม Fisker กล่าวว่าบริดจสโตนเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งซึ่งมีแนวทางเดียวกันในการมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยเป็นการลงทุนตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการผลิตและการจัดจำหน่ายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บริดจสโตนเพิ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่าสาขาต่าง ๆ ที่อยู่ในยุโรป รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นสถานที่พัฒนายางรถยนต์สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Fisker Ocean และโรงงานที่เมืองพอซนาน ประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางรถยนต์รุ่นดังกล่าวจะใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานทดแทนทั้งหมด เช่นเดียวกับโรงงาน Magna Steyr ที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Fisker Ocean ในเมืองกราซ ประเทศออสเตรีย ก็จะเป็นโรงงานที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) อีกด้วย
สำหรับบริดจสโตนแล้ว Fisker เป็นพันธมิตรที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมธุรกิจ เพื่อการรองรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยการเป็นทั้งผู้บุกเบิกยางรถยนต์คุณภาพพรีเมียม การเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับยางรถยนต์และส่งมอบโซลูชั่นสำหรับการขนส่งและการเดินทาง ประกอบกับการพัฒนาเครือข่ายบริการและการจัดจำหน่ายที่พร้อมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า บริดจสโตนจึงทำการลงทุนเพื่อช่วยให้การเดินทางด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ทุกราย และ Fisker ก็มีเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน โดยกำหนดราคารถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Ocean ที่จะเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาในราคาเริ่มต้นที่ 37,499 ดอลลาร์สหรัฐ (ราคานี้ไม่รวมในส่วนรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า) และไม่เกิน 32,000 ยูโรในเยอรมนี (รวมภาษีและเงินอุดหนุนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า)
การทดสอบรถต้นแบบของ Fisker Ocean จะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2564 ผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ของบริดจสโตนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของรถรุ่นดังกล่าว มี 2 ขนาด คือ 255/50 R20 และ 255/45 R22 โดยที่ยางรถยนต์ขนาด 22 นิ้ว จะได้รับการปรับแต่งเพื่อการควบคุมที่สมดุลแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการในการยกระดับสมรรถนะการขับขี่ของ Fisker Ocean
สำหรับบริดจสโตน เราเล็งเห็นว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในการช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และส่งเสริมด้านการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น Laurent Dartoux ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหารของบริดจสโตนยุโรปและตะวันออกกลาง กล่าว “อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอุปสรรคมากมายที่จะต้องเอาชนะให้ได้ก่อนที่อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะกลายเป็นจริงได้ และ Fisker กำลังก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านั้นเช่นเดียวกับบริดจสโตน โดยไม่เพียงแต่จะทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ Fisker ยังได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งในประเด็นเรื่องความยั่งยืน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ชาญฉลาดที่เราเต็มใจสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการผสานเป้าหมายเข้าด้วยกันและร่วมมือกันเพื่อทำให้มันสำเร็จ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำงานร่วมกับบริดจสโตน ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์และการเดินทางอย่างยั่งยืน และมีค่านิยมร่วมกับเรา และเป็นผู้พัฒนายางรถยนต์ระดับพรีเมียมที่เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยมกับ Fisker Ocean” Henrik Fisker ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหารของ Fisker กล่าว “เรามีเป้าหมายที่จะพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า SUV ที่มีความยั่งยืนที่สุด ด้วยความเหนือชั้นในการขับขี่ การควบคุมรถ และยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น และบริดจสโตนจะมีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้ เราเฝ้ารอที่จะได้ทำงานร่วมกัน เพื่อที่จะได้ร่วมมือทั้งในด้านการออกแบบสมรรถนะและการพัฒนาทางเทคนิคต่าง ๆ ต่อไปสำหรับยางรถยนต์พลังงานไฟฟ้า