มิชลิน จับมือ มูลนิธิเมาไม่ขับ สนับสนุนการจ้างงานและประกอบอาชีพของผู้พิการจากอุบัติเหตุทางถนน
บริษัท สยามมิชลิน จำกัด และ มูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการรณรงค์และส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน” เพื่อสนับสนุนการจ้างงานและประกอบอาชีพของผู้พิการจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้พิการกลุ่มนี้เกิดความภาคภูมิใจและสามารถดูแลพึ่งพาตนเองได้ ภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ซึ่งมีระยะเวลาหนึ่งปี (1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2565) มิชลินได้จ้างงานผู้พิการจากมูลนิธิเมาไม่ขับรวมทั้งสิ้น 21 ราย เพื่อทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของมิชลินร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับประชาชนในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ปาริชาติ ประจันพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับมูลนิธิเมาไม่ขับภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือล่าสุดนี้ ไม่เพียงส่งเสริมให้ผู้พิการได้มีโอกาสพัฒนาตนเองในเชิงอาชีพและการใช้ชีวิตในสังคม แต่ยังสะท้อนจุดยืนของมิชลินในการเป็นองค์กรที่สนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลาย ทั้งยังสอดคล้องกับพันธกิจและความมุ่งมั่นของมิชลินในการส่งเสริมการสัญจรที่ปลอดภัยและยั่งยืน
ทั้งนี้ ผู้พิการที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วม “โครงการรณรงค์และส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน” ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างมิชลินและมูลนิธิเมาไม่ขับ มีหน้าที่เป็นตัวแทนของมิชลินร่วมรณรงค์สร้างจิตสำนึกและประชาสัมพันธ์เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน, ร่วมตั้งด่านรณรงค์และส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งมีการเดินทางสัญจรจำนวนมาก, ลงพื้นที่เยี่ยมผู้พิการจากอุบัติเหตุเพื่อให้กำลังใจ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสิทธิทางกฎหมายสำหรับผู้พิการ และแนะแนวทางการใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้และร่วมกิจกรรมต่างๆ
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการ มูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวเสริมว่า โครงการฯ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมิชลินจะช่วยส่งเสริมให้ผู้พิการมีบทบาทในการสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคมอย่างมีความหมาย รวมทั้งมีรายได้เลี้ยงชีพพึ่งพาตนเองได้ ทำให้เกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าในตนเองยิ่งขึ้น เราหวังว่าโครงการฯ นี้จะมีส่วนจุดประกายให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเล็งเห็นถึงภารกิจทางสังคมในการสร้างโอกาสสนับสนุนการจ้างงานและการประกอบอาชีพของผู้พิการ รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้พิการมีกำลังใจที่จะพัฒนาตนเองเพื่อให้มีศักยภาพที่จะปฏิบัติงานและดำรงชีพได้อย่างเหมาะสม
