เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Continental GT และ GTC S ใหม่ ตอกย้ำจุดเด่นด้านสมรรถนะในการขับขี่และรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น มาพร้อมกับการพัฒนาการออกแบบภายนอก คุณสมบัติภายใน และระบบของรถ Continental GT และ GTC S ใหม่ ได้ปรับสูตรสำเร็จของอัครยนตรกรรมแบบแกรนด์ทัวริ่งสู่สัมผัสแห่งความประทับใจในการขับขี่ ซึ่งแตกต่างจากแนวคิด “ความสะดวกสบายหลังพวงมาลัย” ของรุ่น Azure ที่เน้นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร
ผู้ที่ได้ครอบครองอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ต่างชื่นชอบกับตัวเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่สุดยอดสมรรถนะจากเครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตร ใน Continental GT Speed ไปจนถึงสัมผัสแห่งความเร้าใจในการขับขี่กับ Continental GT V8 เครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร โดยการเปิดตัว Continental GT และ GTC S ใหม่ ผู้ครอบครองสามารถเลือกความโดดเด่นด้านสมรรถนะให้กับอัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ Bentley Continental GT ด้วยเครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร ตอบโจทย์การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพในการขับขี่และคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรม
Continental GT และ GTC S ใหม่ ยังคงมอบพละกำลังที่สูงถึง 542 แรงม้า และ เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4 ลิตร มาพร้อมแรงบิดกว่า 770 นิวตันเมตร ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลก โดยสามารถมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4.0 วินาที สำหรับเครื่องยนต์ในรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาด้วยการติดตั้งท่อไอเสียแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อขยายจังหวะของเครื่องยนต์แบบครอสเพลน
เครื่องยนต์รุ่น V8 ขนาด 4.0 ลิตร มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจให้กับรุ่น Continental GT S ด้วยการตอบสนองที่ฉับไวและคล่องตัว เสริมประสิทธิภาพด้วย Bentley Dynamic Ride เทคโนโลยีควบคุมการโคลงตัวของรถแบบแอคทีฟด้วยระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ คิดค้นเป็นครั้งแรกโดยเบนท์ลีย์ ด้วยการสร้างแรงบิดสูงสุด 1,300 นิวตันเมตร ใน 0.3 วินาที มอเตอร์ภายในเหล็กกันโคลงจะชดเชยแรงในการเข้าโค้งเพื่อลดการโคลงของตัวรถ แต่ยังช่วยเพิ่มความสบายในการขับขี่ที่ความเร็วด้วยการแยกล้อซ้ายและขวาออกจากกัน
ตั้งแต่กระจังหน้าแบบดำเงาและชุดแต่งในเฉดสีดำ ไปจนถึงโลโก้รูปตัวอักษร ‘S’ อันโดดเด่นบริเวณบังโคลนหน้า ทำให้ Continental GT S ใหม่ คือ ความโดดเด่นและความประทับใจเมื่อได้ยลโฉม โดยไฟหน้าและไฟท้ายอยู่ในโทนสีเข้ม ในขณะที่ชุดแต่งภายนอกทั้งหมดใช้โทนสีดำเงา มีเพียงโลโก้ ‘BENTLEY’ และตัวอักษรเท่านั้นที่เคลือบโครเมียมในโทนสว่าง ปีกสีดำเงารังสรรค์รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเคร่งขรึม ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ได้ทำให้ Continental GT S มีความโดดเด่นได้โดยไม่คำนึงถึงเฉดสีภายนอกที่มีให้เลือกสรรอย่างไร้ขีดจำกัด
Continental GT S มอบตัวเลือกล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว แบบใหม่ พร้อมซี่ล้อรูปตัวอักษร ‘Y’ 5 ซี่เคลือบสีดำเงา และยังมีให้เลือกสรรในเฉดสีน้ำตาล Pale Brodgar Satin ใหม่ คาลิปเปอร์เบรกสีแดงตกแต่งบริเวณด้านหลังล้อตอกย้ำนิยามความสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเลือกที่สองสำหรับล้ออัลลอยด์ของรุ่น Continental GT S คือ การออกแบบล้อสามก้านขนาด 21 นิ้ว ที่ผสมผสานระหว่างสีดำเงาและการตกแต่งโทนสว่าง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น ‘S’ การตกแต่งภายนอกได้รวมถึงโลโก้รูปตัวอักษร ‘S’ บริเวณบังโคลนหน้า ท่อไอเสียแบบสี่ท่อ (เฉดสีดำธรรมชาติ) และกาบประตูเฉดสีดำเช่นเดียวกับรุ่น Continental GT Speedความสมบูรณ์แบบของการออกแบบภายนอกที่มอบความสปอร์ตและความโดดเด่นย่อมสะท้อนการตกแต่งภายในที่ยอดเยี่ยมและการตอกย้ำสมรรถนะจากการแบ่งสีแบบทูโทนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรุ่น ‘S’
สำหรับเบนท์ลีย์ในยุคแรก คู่แข่งที่สนาม Brooklands และ สนาม Le Mans จะพันพวงมาลัยไว้ด้วยเชือกเพื่อรองรับแรงกระแทกและการยึดเกาะที่มั่นคง แต่นักแข่งของเบนท์ลีย์ในยุคปัจจุบันมีการใช้คุณสมบัติคล้ายหนังกลับของผ้าแบบ Dinamica ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ พวงมาลัย คันเกียร์ การรองเบาะโดยสาร และพนักพิงเบาะโดยสารของ Continental GT และ GTC S โดยมีการใช้กับการหุ้มเบาะโดยสาร แผงประตู แผงหน้าปัด และบริเวณรอบคอนโซล และด้วยการเข้าคู่ระหว่างผ้าแบบ Dinamica กับหนังคุณภาพสูงของเบนท์ลีย์ ทำให้เกิดการตกแต่งภายในที่ตัดกันของหนังที่เรียบเนียนและผิวที่บางเบาจากการตกแต่งด้วยผ้าแบบ Dinamica
อุปกรณ์ของผู้ขับขี่ยังคงเป็นธีมสปอร์ตด้วยกราฟิคที่เน้นสมรรถนะเช่นเดียวกับรุ่น Continental GT Speed พร้อมเบาะโดยสารดีไซน์ ‘S’ และการปักสัญลักษณ์รูปอักษร 'S' ที่พนักพิงศีรษะของแต่ละเบาะโดยสาร มากไปกว่านั้นยังมีการตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ ‘S’ ที่เป็นโลหะบริเวณข้างช่องแอร์และกาบบันไดแบบเรืองแสงด้วยรูปตัวอักษร 'S' แทนที่แผ่นโลหะคำว่า ‘Bentley Motors Ltd’
การผสมผสานระหว่างงานออกแบบที่โดดเด่น สมรรถนะ และความคล่องตัว ทำให้ Continental GT S และ Continental GTC S ดึงดูดใจผู้ที่ชื่นชอบในรถยนต์สมรรถนะสูง แต่ด้วยการเปิดตัวรุ่น Azure ที่เน้นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารควบคู่ไปกับรุ่น S จึงช่วยทำให้ลูกค้าสามารถเลือกครอบครองอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของผู้ครอบครองได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าสามารถเลือกความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารบนรุ่น Azure หรือ สัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบสปอร์ตและรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวกับรุ่น S และ Speed