ปัจจุบันกระแสรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในประเทศจีน ยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับการตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ด้วยคนตัดสินใจซื้อคำนวณจากค่าใช้จ่ายระยะยาว ซึ่งคิดแล้วถูกกว่า ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้ามีเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ให้มามากมาย เหนือว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป และสถานีชาร์จไฟฟ้าก็มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
มาวันนี้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่นิยมกับผู้บริโภคชาวไทย ส่งผลให้ค่ายรถจากจีนเร่งเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมากขึ้น แต่ด้านความเชื่อมั่นในแบรนด์ยังมีไม่มาก ต่างจากค่ายเอ็มจีมีการเปิดตลาดและสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าชาวไทยมาระยะยาว โดยรถยนต์เอ็มจี เป็นรถยนต์ยอดนิยมและสามารถสร้างยอดขายได้ประสบความสำเร็จจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป มาวันนี้เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ากำลังนิยม ค่ายเอ็มจีผู้นำยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจำหน่าย MG ZS EV , MG EP , NEW MG4 Electric ไปแล้ว ก็ได้นำรถรุ่นใหม่ทั้ง MG ES และ MG MAXUS9 เข้ามาเติมเต็มกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น
MG ยังคงความเป็นผู้บุกเบิก และ ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้า 100% ได้ดี จากการเปิดตัวรถไฟฟ้ามากถึง 2 รุ่น ในช่วงเวลาเดียวกัน อีกทั้งการขยับตัวในตลาดรถไฟฟ้าในครั้งนี้ ส่งผลให้ MG กลายเป็นแบรนด์ที่มีรถไฟฟ้า 100% มากถึง 5 รุ่น หลากหลายรูปแบบการใช้งาน ครอบคลุมหลากหลายเซ็กเมนต์ ได้แก่ MG ZS EV , MG EP , NEW MG4 Electric และ 2 รุ่นล่าสุดอย่าง NEW MG ES และ MG MAXUS9
ซึ่งลูกค้าที่ใช้รถไฟฟ้าแบรนด์ MG ไม่ต้องกังวลกับการบริการที่ครอบคลุม ทั้งสถานีชาร์จ MG Super Charge เป็นของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เอ็มจีมีสถานีชาร์จให้บริการแล้ว 129 แห่ง ทั่วประเทศ และยังมีแผนขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความสะดวกและพอเพียงสำหรับลูกค้าเอ็มจี โดยเฉลี่ยทั่วประเทศทุกๆ 150 กิโลเมตร จะมีสถานีชาร์จอย่างน้อย 1 สถานีให้บริการ อีกทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จแบบไวในพื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายในการดูแลและบำรุงรักษารถไฟฟ้าโดยช่างผู้ชำนาญงานในทุกศูนย์บริการเอ็มจี เพื่อทำให้คนไทยมั่นใจในการใช้รถไฟฟ้าได้มากยิ่งขึ้น
และในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 บูธเอ็มจี ยกทัพรถยนต์หลากรุ่นมาอวดโฉม คันที่เป็นไฮไลท์ครั้งนี้ คือ NEW MG ES รถยนต์ Station Wagon พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุดของ MG และ MG MAXUS9 รถพลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง (MPV) ที่นำมาเผยโฉมให้ชม และเปิดให้ Pre-Booking ก่อนที่จะประกาศราคาในเดือน พ.ค. นี้
NEW MG ES สเตชันวากอนไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ ดีไซน์อันเรียบหรูดูล้ำสมัยในแบบฉบับ New Era Design มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางพร้อมฟังก์ชั่นครบครัน ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เน้นไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ชูจุดขายในเรื่องดีไซน์ที่เรียบหรูทันสมัยพร้อมความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ที่มากยิ่งขึ้น สามารถเติมเต็มทุกโจทย์ความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างได้อย่างลงตัว การตกแต่งแบบ NEW ERA DESIGN เรียบหรูดูล้ำสมัย แฝงไปด้วยฟังก์ชันที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ชุดกันชนหน้าไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Light Curtain Design ยกระดับความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เสริมการใช้งานมากขึ้นด้วยชุดราวหลังคา (Roof Rail) ที่รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม และด้วยรูปโฉมสไตล์ สเตชันวากอน จึงมาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย ทั้งยังสามารถบรรจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,367 ลิตร ตกแต่งภายในด้วยเส้นสายโทนสีฟ้า ENERGETIC BLUE STRIP ให้ภายในหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมเบาะนั่งวัสดุหุ้มหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN ให้ผิวสัมผัสคล้ายยีนส์ ปรับลุคให้ดู มีความทันสมัยและดูแลรักษาง่าย ชุดเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ยกขอบปีกข้าง พร้อมเทคโนโลยี Zero-G Seats กระจายน้ำหนักและรองรับสรีระของผู้นั่งให้ดียิ่งขึ้น เดินทางระยะไกลได้สบาย
NEW MG ES มาพร้อมแพลตฟอร์มระบบส่งกำลัง ใหม่ล่าสุด ที่มีขนาดและน้ำหนักลดลง แต่ประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 53% ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นใหม่แบบ 8-LAYER HAIR PIN PERMANENT MAGNETIC SYNCHRONOUS MOTOR (PMSM) ให้พละกำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ซึ่งมอเตอร์แบบใหม่นี้ให้การตอบสนองที่ดีขึ้น โดยสามารถปรับเร่งรอบได้สูงถึง 15,000 รอบ/นาที ทำให้ NEW MG ES สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง เสริมสร้างประสบการณ์การขับขี่ไปอีกระดับด้วยระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ถึง 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย เข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพกับรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.95 เมตร
NEW MG ES มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอรอนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 51 kWh มีการปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 22% และระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้สมรรถนะในการขับเคลื่อนได้ไกลถึง 412 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE) รองรับการชาร์จ ทั้งแบบ Quick Charge จาก 0% - 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 87 kW และ Normal Charge รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kW ใช้เวลาการชาร์จจาก 0% – 100% 7 ชั่วโมง 15 นาที ผ่าน MG HOME CHARGER ที่ 6.6 kW อีกทั้งยังรองรับระบบ V2L (Vehicle to Load) เปลี่ยนรถไฟฟ้าให้เป็นแหล่งจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้วยกำลังไฟสูงสุด 2,200 วัตต์ มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ที่มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM และระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 20 ระบบ นอกจากนี้ NEW MG ES ยังมาพร้อมกับระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART ในรูปแบบ Lite version ที่เปิดโอกาสให้ ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและรับการแจ้งเตือนสำคัญของรถเอ็มจีของตัวเองได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์ ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์ ระบบสั่งการกุญแจดิจิตอล ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน Emergency Call หรือ ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE เป็นต้น
NEW MG ES มาพร้อมกับสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Andes Gray) สีแดง (Scarlet Red) และ สีเงิน (Champagne Silver) และตกแต่งภายในสไตล์ทูโทน พร้อมหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ DENIM TEXTURE DESIGN โดยราคาจำหน่ายในราคาสุทธิที่ 959,000 บาท กับข้อเสนอพิเศษในช่วงเปิดตัว รวมมูลค่ากว่า 90,453 บาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ภายในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ รถยนต์น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่งคือ MG MAXUS9 รถลักชัวรี่ MPV ไฟฟ้า100% แบบ 7 ที่นั่ง เป็นพวงมาลัยขวาคันแรกของประเทศไทยและอาเซียน ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์อีวี สุดหรูหรา เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ล้ำสมัย ผสานลงตัวกับงานดีไซน์รูปโฉมใหม่ โดดเด่นด้วยหลังคา Dual Panoramic Sunroof ยาวถึงด้านหลังทำให้ห้องโดยสารดูโปร่ง โล่ง สัมผัสกับความสะดวกสบายครั้งใหม่ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารปรับอัตโนมัติ 4 ทิศทาง และเบาะนั่งแถวที่สองแบบ VIP Captain Seat ที่มีระบบบันทึก ระบบนวด และสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการ มอบประสบการณ์ MPV ไฟฟ้า 100% เต็มประสิทธิภาพด้วยมอเตอร์ให้กำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ความจุขนาด 90 kWh ให้ระยะวิ่งสูงสุดที่ 540 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยรอบคัน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 25 ระบบ พร้อมมาตรฐานความปลอดภัย 5 ดาว ทั้ง EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP ซึ่ง NEW MG MAXUS 9 จะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น X – LUXURY และ รุ่น V - SUPER LUXURY ทั้งนี้ เอ็มจี ได้ให้เอกสิทธิ์คนไทยที่สนใจเป็นเจ้าของด้วยการเปิดรับจองล่วงหน้า พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ จอง 20,000 บาท ได้ส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 40,000 บาท ภายในงานมอเตอร์โชว์และ โชว์รูมเอ็มจี รวมทั้งช่องทางเว็บไซต์ https://onlinebooking.mgcars.com/ และแอพพลิเคชัน MG THAILAND โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
ภายในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 เอ็มจี ยังได้นำยนตรกรรมครบทุกรุ่นครอบคลุมทั้งรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน รถยนต์พลังงานทางเลือก และรถไฟฟ้า ทุกรุ่นมาจัดแสดงและจัดจำหน่ายด้วยข้อเสนอพิเศษ กับข้อเสนอพิเศษดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 7 ปี สำหรับลูกค้าที่จองภายในงานฯ หรือที่โชว์รูมเอ็มจี ทุกสาขา ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 2 เมษายน หรือผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและทดลองขับยนตรกรรมคุณภาพจากเอ็มจีได้ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ถึง 2 เมษายน 2566 ณ บูธเอ็มจี หมายเลข A8 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี และที่โชว์รูมและศูนย์บริการคุณภาพของ เอ็มจี ทั่วประเทศ