ยังคงเป็นกระแสต่อเนื่องหลังจากที่ค่ายฮอนด้า เปิดตัวรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ถึงวันนี้ยอดจองกว่า 4,000 คัน และนับวันมียอดจองมากขึ้นเรื่อยๆ การันตีให้เห็นถึงความสำเร็จในรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่ปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ สวยหรู พรีเมี่ยมมากขึ้น มาพร้อมเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งเบนซิน และดีเซล ผสานเทคโนโลยีใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ทางฮอนด้าได้พาสื่อมวลชนร่วมสัมผัสแบบ first impression ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จ.บุรีรัมย์ มาวันนี้ฮอนด้าได้พาสื่อมวลชนร่วมสัมผัสสมรรถนะและทดลองขับบนเส้นทางภูเก็ต-พังงา ระยะทางกว่า 280 กิโลเมตร บนการใช้งานจริงผ่านการจราจรในเมือง การขับขี่นอกเมือง และการขับลัดเลาะขึ้นลงเขา ผ่านเส้นทางหลากหลาย พร้อมกับลุยฝ่าเม็ดฝนที่ตกหนักระหว่างการขับบนเขา
รูปลักษณ์ภายนอกของฮอนด้า ซีอาร์-วี ได้รับการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ด้วยการดีไซน์ภายนอกจากแนวคิด Modern Functional Dynamic มีด้านหน้าที่ยาวขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์ , โอเวอร์แฮงค์ด้านหลังสั้นลง , เพิ่มระดับความสูงใต้ท้องรถ และออกแบบซุ้มล้อให้มีความสปอร์ต ตามด้วยการขยายระยะฐานล้อยาวขึ้น เพื่อให้พื้นที่เบาะหลังกว้างขึ้น และมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น ส่วนรายละเอียดของภายนอกจะประกอบด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียมที่ออกแบบเฉียบคม, ไฟหน้า และไฟท้ายใหม่แบบ LED พร้อมการติดตั้ง ไฟ Daytime Running Light – DRL
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Urban BASE Beautility จากคำว่า ความสวยงาม และความอเนกประสงค์ เพื่อให้ห้องโดยสารมาพร้อมความหรูหรา กว้างขวาง และเปี่ยมด้วยประโยชน์ใช้สอย ฮอนด้า ซีอาร์-วี เจนเนอเรชั่นใหม่มาพร้อมเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามต้องการมากถึง 4 รูปแบบ คือ 7-Seat Mode, 5-Seat Mode, Utility Mode และ Long Mode ตกแต่งหรูหราแฝงความสปอร์ตด้วยวัสดุหนังสีดำ มีการตกแต่งลายไม้ วัสดุสีดำ Piano Black ภายในเพิ่มความสะดวกสบายครบครัน อาทิ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone, ช่องเชื่อมต่อ USB, HDMI และช่องจ่ายไฟสำรอง, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น), ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย , พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์, มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ , สตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะและระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ และระบบนำทางเนวิเกเตอร์
สิ่งที่แตกต่างในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลมีการเพิ่มแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) และระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงฟังค์ชั่นใหม่อย่าง ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบแฮนด์ฟรี ควบคุมการเปิด – ปิดด้วยรีโมท และสามารถปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ ซึ่งทำงานด้วย 3 ฟังก์ชั่นหลัก คือ การสั่งหยุดและค้าง , การกำหนดระดับความสูงของการเปิด และการเปิดฝากระโปรงหลังแบบไม่ต้องใช้มือ นอกจากนี้ยังเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ด้วยการติดตั้งระบบ Agile Handling Assist เป็นครั้งแรก ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่ชะลอความเร็วล้อข้างที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้การเข้าโค้งทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
ขุมพลังของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT เพื่อการตอบสนองได้ดั่งใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 โดยการทดลองขับครั้งนี้ทั้ง 2 รุ่น คือรุ่นท็อปสุดจาก 2 เครื่องยนต์ โดยมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ E-DPS ทำงานโดยการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความแม่นยำของการปรับแรงบิดที่ล้อหน้า และล้อหลังให้สมดุลโดยอัตโนมัติ อย่างต่อเนื่อง และนุ่มนวลในทุกสภาพการขับขี่ โดยมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัยทำงานควบคู่กันไป ส่วนเรื่องเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยต่างๆอัดแน่นในฮฮนด้า ซีอาร์-วี ใหม่
หลังจากได้ทดลองขับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC Diesel Turbo เกียร์อัตโนมมัติ 9 สปีด สิ่งที่โดดเด่นในรุ่นนี้คือขุมพลังจัดจ้านและอัตราเร่งที่มาอย่างต่อเนื่อง ให้การขับขี่ที่สนุกสนาน การขับขี่ผ่านเส้นทางหลากหลายรูปแบบทั้งเลนสวน ขึ้น-ลงเขา ลัดเลาะโค้งต่างๆมากมาย ทั้งยังโดดฝนกระหน่ำแทบตลอดการเดินทางแต่ไม่เป็นอุปสรรค ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ ความแม่นยำของพวงมาลัย ระบบเกียร์เป็นแบบกดสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน สำหรับช่วงล่างส่วนที่ปรับปรุงแชสซีร์ใหม่ โดยระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ พร้อมการติดตั้งเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและหลัง ตลอดจนการติดตั้งระบบ Dual Pinion Variable Ratio Electric Power-Assisted Rack-and-Pinion Steering (EPS) หรือระบบพวงมาลัยแบบ Dual พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) ที่มีการปรับอัตราทดให้แปรผันได้อย่างเหมาะสมกับความเร็วที่ใช้ คนที่ชอบความจัดจ้านและประหยัดแนะนำรุ่นนี้ เครื่องยนต์ดีเซลจะมีช่วงล่างด้านหน้าที่แข็งกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เพราะน้ำหนักที่ต่างกันราว 50-60 กิโลกรัม
ส่วนในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เป็นคันเกียร์แบบปกติเกียร์อัตโนมัติ CVT เน้นการขับขี่ที่สบายนุ่มนวล ช่วยออกตัวทำได้ดีและการเร่งแซงก็ทำได้ไม่แพ้รุ่นดีเซล สำหรับความแม่นยำของพวงมาลัยและอื่นๆแทบไม่แตกต่างกัน สำหรับเบรกมีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ระยะเบรกสั้นลง สรุปสั้นๆหากต้องการความจี๊ดจ๊าดและความประหยัดน้ำมันให้เลือกเครื่องยนต์ดีเซล การเก็บเสียงในห้องโดยสารเครื่องยนต์ดีเซลจะดังกว่าเครื่องยนต์เบนซินเล็กน้อย อัตราน้ำมันเฉลี่ยในการทดลองขับ ดีเซล 15 กม./ลิตร ส่วนเบนซิน 10.6 กม./ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและสไลต์ผู้ขับ จุดหลักๆที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของฮอนด้าซีอาร์-วี ในเจเนอเรชั่นที่ 5 คือ มีเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นตัวเลือกใหม่ , ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดที่ปรับเปลี่ยนโดยการกดปุ่ม , ขนาดของตัวรถใหญ่ขึ้น , เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่ติดตั้งมาในฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ทั้งหมดมี 4 รุ่น ราคา ดังนี้ รุ่น DT-EL 4WD 1.699 ล้าน รุ่น DT-E 1.549 ล้าน รุ่น 2.4EL 4WD 1.549 ล้าน และรุ่น 2.4E 1.399 ล้าน