MINI Cooper S Oxford Edition เป็นมินิรุ่นพิเศษที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโดยขายเพียง 60 คันเท่านั้น มาพร้อมเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากรุ่นปกติมากมาย นับตั้งแต่ตัวถังสีแดง Pure Burgundy ตัดด้วยหลังคาสีดำและกระจกมองข้างสี Melting Silver มีลูกเล่นรอบคันด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยลายขนาด 17 นิ้ว สีดำลาย Cosmos Spoke สะดุดตาด้วยสติ๊กเกอร์ลายทางคู่อันเป็นเอกลักษณ์ที่บริเวณด้านหน้ารถ ด้านหลังรถ และมือจับประตู ส่วนฝาปิดถังน้ำมัน กรอบไฟหน้าหลัง ดุดันด้วยสี Piano Black ทำให้ตัวรถโดยรวมมีความสปอร์ตเร้าใจในสไตล์มินิ ขณะที่ไฟท้ายยังโดดเด่นด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียนแจ็ค สะท้อนความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง และเป็นครั้งแรกของมินิในการนำเทคโนโลยี 3D Printing หรือการพิมพ์แบบ 3 มิติ มาใช้เสริมสร้างรถยนต์รุ่นนี้ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างมากยิ่งขึ้น โดยบริเวณแถบด้านข้าง จะประทับชื่อรุ่น 'OXFORD' ไว้อย่างเด่นชัด ส่วนภายในของตัวรถ ถือว่าตอกย้ำคาแรคเตอร์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟเรืองแสงลายธงยูเนียนแจ็คบริเวณคอนโซลด้านหน้า แถมเบาะนั่งและพวงมาลัยก็ตกแต่งด้วยลายธงยูเนียนแจ็คเช่นเดียวกัน มิติตัวถังของ MINI Cooper S 5 Door Oxford Edition มีความยาว 4,005 มิลลิเมตร กว้าง 1,727 มิลลิเมตร และสูง 1,425 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 44 ลิตร น้ำหนัก 1,305 กิโลกรัม ความกว้างฐานล้อหน้า-หลัง 1,501 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,567 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 146 มิลลิเมตร
ส่วนของขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบส่งกำลังด้วยคันเกียร์ที่เป็นระบบไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่มอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น เร่งความเร็วได้ทันใจ รวมถึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นกว่าเดิม และระบบช่วงล่างแบบ Adaptive ที่รองรับแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มนวล ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวและพร้อมตอบสนองความท้าทายทุกโจทย์บนท้องถนน นอกจากนี้ มินิ แฮทช์ Oxford Edition ยังมาพร้อมกับระบบแสดงผลด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วที่อยู่บริเวณกลางแผงคอนโซลรถ พร้อมระบบนำทางเชื่อมต่อกับกล้องมองหลัง ทำให้การจอดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้น และรองรับเทคโนโลยีMINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่างๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ
MINI Cooper S 5 Door เวอร์ชั่นพิเศษ Oxford Edition มาพร้อมกับรูปแบบประตูหลังที่เพิ่มเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้า-ออกจากห้องโดยสาร เนื่องจากระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นอีก 72 มิลลิเมตร ช่วยให้พื้นที่เบาะผู้โดยสารตอนหลังไม่อึดอัดคับแคบแบบที่เคยพบเห็นในรุ่น 3 ประตู ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะก็ยังเพิ่มขึ้นมาอีก 15 มิลลิเมตร เบาะหลังนั่งได้สามคนรวมกับห้องเก็บสัมภาระ ส่วนท้ายที่มีปริมาตรความจุเพิ่มเข้ามาอีกถึง 67 ลิตร
หลังจากได้สัมผัส ต้องบอกว่าภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกถึงความสปอร์ต แฝงความสนุกสนานแนววัยรุ่น งานประกอบส่วนต่างๆประณีตบรรจงสวยงาม จอแสดงผลส่วนกลางล้อมกรอบด้วยหลอด LED ที่ปรับเปลี่ยนสีไปตามฟังก์ชั่นและโหมดของการใช้งานซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมินิ ฟังก์ชั่นต่างๆออกแบบมาได้ครบครัน ทั้งเครื่องเสียง ช่องเก็บสัมภาระและการตกแต่งไฟสีต่างๆที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างสวยงาม แม้เบาะผู้โดยสารด้านหลังจะแคบไปแต่ไม่เป็นปัญหาเพราะกลุ่มลูกค้าของมินิส่วนใหญ่ไม่เน้นมีผู้โดยสารด้านหลัง แต่จะเน้นที่ความเป็นเอกลักษณ์ มีความแตกต่างและเน้นในสมรรถนะของตัวรถที่ขับสนุก สมรรถนะช่วงล่างดี และจากการได้ทดลองขับต้องบอกว่ายังโดดเด่นเรื่องความประหยัดอีกด้วย โดยขับในเมืองและออกนอกเมืองแบบใช้งานจริงไม่ได้ปั้นตัวเลข ทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 13.3 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนตัวประทับใจในความคล่องตัวของรถ และชอบในสมรรถนะซึ่งให้ความรู้สึกขับสนุก คันเร่งฉับไว อัตราเร่งดีจะเร่งแซงเมื่อไหร่พละกำลังมาทันใจ ส่วนการเข้าโค้งรู้สึกว่าพวงมาลัยหน่วงและมีความแม่นยำสูง ให้ความรู้สึกขับสนุกและเหมือนกำลังขับโกคาร์ท ได้สัมผัสความดิบในรถมินิที่มีการตอบสนองต่างๆได้ฉับไว เมื่อเริ่มกดคันเร่งขับขี่ด้วยความเร็วสูงมินิมาพร้อมความดุดันและความปราดเปรียวที่จะพาคุณทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นคนที่ชอบความคล่องตัว ต้องการมีเอกลัษณ์และสไตล์ของตัวเอง รวมถึงสมรรถนะและช่วงล่างที่ขับสนุก มินิ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์คนมีสไลต์ ทั้งนี้ถ้าจะให้ดีไปที่ตัวแทนจำหน่ายเพื่อทดลองขับก่อนจะได้รู้ว่ามินิคันนี้เหมาะกับตัวคุณหรือไม่ แต่จะบอกว่า MINI Cooper S Oxford Edition ผลิตจำกัดเพียง 60 คันเท่านั้น ช้าไม่ได้เชียวนะ สนนราคา MINI Cooper S (3-Door) Oxford Edition ราคา 2,819,999 บาท และMINI Cooper S (5-Door) Oxford Edition ราคา 2,859,999 บาท