หลังจากฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรุ่นแรกของทางฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งได้นำมาอวดโฉมในงาน บางกอกมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ที่ผ่านมา หลายคนสอบถามถึงราคา แต่ฮอนด้าแจ้งว่าใครอยากสัมผัสประสบการณ์รถยนต์ไฟฟ้าของค่ายฮอนด้าต้องเช่าขับเท่านั้น
เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าของค่ายฮอนด้า จึงได้เชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าผ่าน “ฮอนด้า อี:เอ็น1” (Honda e:N1) ยนตรกรรมไฟฟ้า100% รุ่นแรกในไลน์อัปของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศ บนเส้นทาง กรุงเทพฯ สู่เขื่อนขุนด่านปราการชน จ.นครนายก รวมระยะทางไป-กลับ กว่า 220 กิโลเมตร จากการทดลองขับต้องบอกว่า Honda e:N1 ออกแบบในสไตล์รถอเนกประสงค์ SUV ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ไม่ใช่แพลตฟอร์มร่วมกับ HR-V ถึงภายนอกจะนอกคล้าย HR-V ก็ตาม ซึ่งสามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้เพียงแค่ 20% เท่านั้น การดีไซน์ภายในไม่ได้หรูหราและมีอะไรมากมาย ถ้าเทียบรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจะดูหรูหรากว่ามาก ฮอนด้ายังคงคำนึงความเรียบง่าย และการใช้งานฟังก์ชั่นที่สะดวกมากกว่า ส่วนตำแหน่งของช่องชาร์จติดตั้งไว้หน้ารถซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุด้านหน้า สิ่งที่ต้องเสียเงินเพิ่มไม่ใช่แค่ซ่อมด้านหน้า แต่อาจจะต้องมีค่าช่องชาร์จที่อยู่ด้านหน้าอีกด้วย ซึ่งหลายค่ายได้ย้ายจุดชาร์จไปไว้ด้านข้างตัวถังรถ การทดลองขับเส้นทางจากบางชัน ไปเขื่อนขุนด่านปราการชล ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร เริ่มออกเดินทางช่วงเช้าการจราจรติดขัด ก็ขับขี่ได้คล่องตัวดี ทัศนวิสัยดีขับง่าย อัตราเร่งดีมาก จังหวะเร่งแซงมาเต็มแต่ไม่กระชากออกไปเหมือนสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าจากค่ายจีนที่เราคุ้นเคยกัน ฟิลลิ่งคล้ายขับรถน้ำมัน Honda e:N1 เป็นรถที่ขับสนุกคันหนึ่ง ส่วนของความเร็วสูงสุดที่ทดสอบทำได้ 168 กม./ชม. ในส่วนของระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ ปรับเซ็ทมาได้อย่างลงตัว การดูดซับแรงสั่นสะเทือนทำได้ดีไม่มีย้วย เมื่อขับความเร็วสูงตัวรถยังคงนิ่งและควบคุมง่าย เค้าโค้งได้อย่างมั่นใจ อัตราการประหยัดฮอนด้าเคลมไว้ว่าชาร์จ 1 ครั้ง ขับได้ไกล 500 กม.แต่จากการขับขี่จริง ผ่านเส้นทางการจราจรติดขัด จังหวะเร่งแซง และทำความเร็ว ทำให้ระยะทางลดลงตามพฤติกรรมการขับของแต่ละคน
ฮอนด้า อีเอ็น:1 มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจ จากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 310 นิวตัน-เมตร โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้าด้วยโลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียม มินิมอล ผสมผสานกับการตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกันผ่านฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เช่น ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้วแบบ Advanced Touch ที่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) อีกทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information - BSI) ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors)
Honda e:N1 ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า e:N Architecture F ของฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานและมั่นใจ ด้วยการผสมผสานจิตวิญญาณด้านสมรรถนะการขับขี่ของฮอนด้า กับสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าด้วยกันผ่านการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ซึ่งทำงานโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นระบบขับเคลื่อนหลัก ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำงานกับระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงการกดปุ่มที่แผงเกียร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง พร้อมการปรับจูนอัตราเร่งให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดอาการเวียนหัวระหว่างการขับขี่ อีกทั้งยังมอบสุนทรียภาพ และความสะดวกสบายในการเดินทางแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมการออกแบบที่พรีเมียม ล้ำสมัย มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สะท้อนความเป็นยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรูที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า พร้อมจุดชาร์จแบตเตอรี่ที่สามารถรองรับหัวชาร์จ แบบ DC CCS 2 และแบบ AC Type 2 และเส้นสาย LED ที่มาพร้อมไฟสีต่าง ๆ แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย มอบความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมยกระดับประสบการณ์ภายในห้องโดยสารด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารสีฟ้า เบาะหนังดีไซน์สปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยขอบสีขาวและด้ายสีฟ้า และเบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 ที่สามารถปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้อย่างสูงสุด อีกทั้งยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและฟังก์ชันหลากหลาย ที่ถึงแม้ผู้ขับขี่จะมาใช้รถอีวีครั้งแรก ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB จานวน 4 ช่อง ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (USB-A 1 ช่อง ในช่องหน้า และUSB-C ในช่องหน้า 1 ช่อง และช่องหลัง 2 ช่อง) อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา เป็นต้น
มั่นใจในทุกเส้นทางการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ช่วยตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ ด้วยฟังก์ชันการทำงานหลักๆดังนี้
· ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
· ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
· ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
· ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
· ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
· ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI) ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold
ฮอนด้า อีเอ็น:วัน (Honda e:N1) มาพร้อม สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) พร้อมเปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยการเช่าใช้ ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ ค่าเช่าเริ่มต้นที่ 29,000 บาท/ต่อเดือน* พร้อมบริการที่ครอบคลุมเพื่อความอุ่นใจตลอดการเช่าใช้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้แก่
· ฟรีประกันภัยตลอดการใช้งาน
· นำรถเข้าตรวจเช็กระยะและบำรุงรักษา ทุก ๆ 10,000 กม. หรือ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน ณ ศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลาสัญญาเช่า
· เปลี่ยนยางรถยนต์ ทุก 50,000 กม. หรือ 30 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน เปลี่ยนแบตเตอรี่ 12V ทุก 12 เดือน ณ ศูนย์บริการฮอนด้าทั่วประเทศเท่านั้น
ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขการเช่าเป็นไปตามที่บริษัทรถเช่ากำหนด
รายชื่อบริษัทรถเช่าที่ร่วมรายการ
1) บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน)
2) บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลิสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด
3) บริษัท ไทย วี.พี.คอร์ปอเรชั่น จำกัด
4) บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด
5) บริษัท พารากอน คาร์ เรนทัล จำกัด
6) บริษัท ไพร์ม คาร์เร้นท์ จำกัด
7) บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
8) บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด
9) บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด
10) บริษัท เวิลด์เบสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
11) บริษัท เอแอลดี เอ็มเอชซี โมบิลิตี้ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
12) บริษัท ช.พัฒนาคาร์เรนท์ จำกัด